31 ตุลาคม 2562 การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) แถลงข่าวการจัดกิจกกรมเทศกาล “สีสันแห่งสายน้ำ มหกรรมลอยกระทง” ประจำปี พ.ศ. 2562 โดยมี นายชรัส บุญณสะ ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสงคราม นายวันชัย คงเกษม ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด นายสมชัย กิจเจริญรุ่งโรจน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดตาก นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ รองผู้ว่าการด้านสินค้าและธุรกิจท่องเที่ยว ททท. นางสาวภัคนันท์ วินิจชัย ผู้อำนวยการ ททท. สำนักงานเชียงใหม่ และนายอภิวัฒน์ ทับทิมโต ผู้อำนวยการ ททท. สำนักงานสุโขทัย ให้เกียรติร่วมแถลงข่าว ซึ่งเป็นกิจกรรมที่สร้างคุณค่าความเป็นไทย สะท้อนภาพลักษณ์ และวิถีชีวิตของคนไทย ตลอดจนเปิดประสบการณ์ให้นักท่องเที่ยวได้ร่วมเรียนรู้และ สัมผัสประเพณีอันดีงาม ณ ห้องโถง อาคาร ททท. สำนักงานใหญ่
นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ รองผู้ว่าการด้านสินค้าและธุรกิจท่องเที่ยว ททท. เปิดเผยว่า ประเพณี ลอยกระทงเป็นประเพณีที่สืบทอดมาแต่โบราณ แสดงให้เห็นถึงความผูกพันของวิถีชีวิตคนไทยกับสายน้ำ และการรำลึกถึงพระคุณของสายน้ำ ซึ่ง ททท. ได้ร่วมสืบสานประเพณีและอนุรักษ์วัฒนธรรมมาอย่างต่อเนื่อง ในปีนี้ได้จัดงานและสนับสนุนการจัดงานประเพณีลอยกระทงทั่วประเทศ ได้แก่ พื้นที่ที่ ททท. จัดงานฯ คือ งานสีสันแห่งสายน้ำ มหกรรมลอยกระทง พ.ศ. 2562 ณ สวนสันติชัยปราการ กรุงเทพมหานคร ในวันที่ 9-11 พฤศจิกายน 2562 ตั้งแต่เวลา 16.00 น.เป็นต้นไป
กิจกรรมภายในงาน นำเสนอกิจกรรมทางวัฒนธรรมไทยในรูปแบบใหม่ เพื่อสืบสานประเพณีลอยกระทง สะท้อนให้เห็นถึงประเพณี ที่งดงามของไทย ความศรัทธาทางพุทธศาสนา ตามวิถีชีวิตที่เกี่ยวกับสายน้ำและชูอัตลักษณ์ในพื้นที่เอกลักษณ์ทั่วประเทศ พร้อมกิจกรรมอื่นๆที่สนใจ เช่น ปรากฏการณ์ม่านน้ำนิรมิต ขบวนแห่ทางวัฒนธรรมการแสดงดอกไม้ไฟโบราณ ศิลปหัตถกรรมทรงคุณค่าในรูปแบบต่างๆ อาทิ การแทงหยวก การประดิษฐ์หัวโขน การทำพนมหมากพนมดอกไม้ เป็นต้น ทั้งนี้พื้นที่ที่ ททท. สนับสนุนการจัดงาน ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดสุโขทัย จังหวัดตาก จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จังหวัดสมุทรสงคราม จังหวัดร้อยเอ็ด และกรุงเทพมหานคร ซึ่งในแต่ละพื้นที่มีเอกลักษณ์และกิจกรรมในการจัดงานที่แตกต่างกันไป โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
งานประเพณีเดือนยี่เป็งเชียงใหม่ ประจำปี 2562 ระหว่าง 9-12 พฤศจิกายน 2562 โดยมีกิจกรรมที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ของชาวล้านนา ได้แก่ กิจกรรม “ต๋ามผางปะตี๊ดส่องฟ้าฮักษาเมือง” ณ อนุเสาวรีย์สามกษัตริย์ , การแสดงประติมากรรมโคมไฟสีสันยี่เป็ง ณ รอบคูเมือง ประตูเมืองและแจ่งเมือง , พิธีบวงสรวง ศาลพระภูมิ , เจดีย์ขาว , ขอขมาแม่น้ำปิง ณ สำนักงานเทศบาลนครเชียงใหม่ , ท่าน้ำศรีโขง, การปล่อยกระทงสายสืบสานล้านนา ณ ลำน้ำปิง
งานประเพณี ลอยกระทง เผาเทียน เล่นไฟ จังหวัดสุโขทัย ประจำปี 2562 ระหว่างวันที่ 2-11 พฤศจิกายน 2562 โดยภายในงานจะมีการจัดกิจกรรมพิธีรับอรุณแห่งความสุข ตักบาตรข้าวสารอาหารแห้งแด่พระสงค์ ณ สะพานบุญ วัดตระพังทอง , ตลาดแลกเบี้ย ตลาดโบราณสมัยกรุงสุโขทัย การแสดงกีฬาพื้นบ้าน ณ บริเวณศาลาสี่หลัง , กิจกรรมข้าวขวัญ วันเล่นไฟ ณ บริเวณลานหน้าวัดมหาธาตุ อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย, การแสดง พลุตะไล ไฟพะเนียง ณ บริเวณสระน้ำวัดสระศรี (ตระพังตระกวน), กิจกรรมขบวนอัญเชิญไฟพระฤกษ์และพระประทีปแห่รอบเมืองสุโขทัย
งานประเพณีลอยกระทงสายไหลประทีป ๑,๐๐๐ ดวง ประจำปี 2562 ระหว่างวันที่ 9-13 พฤศจิกายน 2562 ณ ริมสายธารลานกระทงสาย เชิงสะพานสมโภชน์กรุงรัตนโกสินทร์ 200 ปี อำเภอเมือง จังหวัดตาก โดยภายในงานมี: ขบวนอัญเชิญพระประทีปพระราชทาน จากพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว พร้อมทั้งพระบรมวงศานุวงศ์ ขบวนแห่เรือกระทงสาย ขบวนแห่สายกระทงทั้ง 7 สาย, กิจกรรมการลอยกระทงสายไหลประทีป ๑๐๐๐ ดวง และกิจกรรมดินเนอร์อาหารพื้นเมือง
จังหวัดพระนครศรีอยุธยา มีการจัดงาน ลอยกระทง 3 งานด้วยกัน คืองานลอยกระทงตามประทีป ศูนย์ศิลปาชีพ บางไทรฯ ในวันที่ 11 พฤศจิกายน 2562 ณ ศูนย์ศิลปาชีพ บางไทรฯ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยจัดให้มีการ ลอยกระทงริมแม่น้ำเจ้าพระยา
งานลอยกระทงกรุงเก่า บริเวณ 4 มุมเมือง เกาะเมืองอยุธยา ได้แก่ ใต้สะพานปรีดีย์ฯ เจดีศรีสุริโยทัย หน้าพระราชวังจันทรเกษม ป้อมเพชร และอนุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทุ่งภูเขาทอง ในวันที่ 11 พฤศจิกายน 2562 โดยภายในงานมีการจัด ประกวดกระทง และการประกวดนางนพมาศ
งานลอยกระทงตาละปัด ย้อนอดีตอาบน้ำเพ็ญ ณ องค์การบริหารส่วนตำบลสามเรือน อำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ในวันที่ 11 พฤศจิกายน 2562 โดยภายในงานจะมีการ จัดประเพณีโบราณ การประดิษฐ์กระทง และแจกกระทงตาละปัด ละพิธีอาบน้ำเพ็ญ
จังหวัดสมุทรสงคราม มีการงานประเพณีลอยกระทงกาบกล้วยเมืองแม่กลอง ประจำปี 2562 ระหว่างวันที่ 10-11 พฤศจิกายน 2562 ณ อุทยาน ร.2 และวันที่ 11 พฤศจิกายน 2562 ณ วัดภุมรินทร์กุฏีทอง โดยมีการจัดกิจกรรมชมการลอยกระทงกาบกล้วย, การประกวดกระทงและเรือไฟ ชิงถ้วยพระราชทาน ,การประกวดนางนพมาศแม่ลูก, การสาธิตทำกระทงกาบกล้วย การแทงหยวก การพับใบเตย และการสานทางมะพร้าว ฯลฯ
งานสมมาน้ำ คืนเพ็ง เส็งประทีป เมืองร้อยเอ็ด ครั้งที่ 21 ประจำปี 2562 ระหว่างวันที่ 10-11 พฤศจิกายน 2562ณ บริเวณสวนสมเด็จพระศรีนครินทร์และบึงพลาญชัย จังหวัดร้อยเอ็ด โดยภายในงานมีการจัดกิจกรรมที่สำคัญคือพิธีบวงสรวงสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง การประกวดกระทงประทีปใหญ่ การประกวดกระทงอนุรักษ์ธรรมชาติ การประกวดธิดาสาเกตนคร การประกวดรำวงสมมาน้ำคืนเพ็ง เส็งประทีป และขบวนจำลองเหตุการณ์ขบวนแห่กระทงเมืองสาเกตนครฯ
จังหวัดกรุงเทพมหานคร มีการงาน River Festival 2019 สายน้ำแห่งวัฒนธรรมไทย ครั้งที่ 5 “เสียงสุขแห่งสายน้ำ” ระหว่างวันที่ 9-11 พฤศจิกายน 2562 ตั้งแต่เวลา 17.00-22.30 น. ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ได้แก่ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ราชวรมหาวิหาร, วัดอรุณราชวราราม ราชวรมหาวิหาร, ท่ามหาราช, วัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร, วัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร, ยอดพิมาน ริเวอร์วอล์ค, ล้ง 1919, เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์, สุขสยาม ณ ไอคอนสยาม และวัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร โดยภายในงานมีการจัดกิจรรมการแสดงทางวัฒนธรรมและการแสดงร่วมสมัย, กิจกรรมลอยกระทง และการออกบูธร้านค้าชุมชนต่างๆ
งาน ICONSIAM CHAO PHRAYA RIVER OF GLORY เฉิดฉายประกายเจ้าพระยา มหานทีแห่งสยาม วันที่11 พฤศจิกายน 2562 ณ บริเวณริเวอร์พาร์ค ไอคอนสยาม กรุงเทพมหานคร โดยภายในงานมีการจัด: นิทรรศการกระทงจากแรงบันดาลใจของ 15 สถานทูต และ การแสดง ระลึกถึงคุณพระแม่คงคา จุดกำเนิดความเจริญรุ่งเรืองของมหานครแห่งความรุ่งโรจน์
นางสาวฐาปนีย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า รูปแบบงานในปีนี้ทั้งหมด ททท. เน้นการลดใช้พลาสติก ใส่ใจสิ่งแวดล้อม โดยเริ่มจากรณรงค์ให้ประชาชนเลือกซื้อ เลือกใช้กระทงจากวัสดุธรรมชาติ และรณรงค์ 1 ครอบครัว 1 กระทง เพื่อลดปริมาณกระทงในช่วงเทศกาล ททท.คาดว่าการจัดงานในปีนี้จะได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา และแต่ละพื้นที่มีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยสูง โดยเฉพาะในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ที่คึกคักกว่าพื้นที่อื่นๆ กอปรกับในปีนี้ขยายวันลอยกะทงจาก 3 วัน เป็น 4 วัน ททท. คาดว่าจะมีอัตราการเดินทางท่องเที่ยวใน 5 พื้นที่เอกลักษณ์ ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ ตาก สุโขทัย สมุทรสงครามและร้อยเอ็ด ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติกว่า 4.64 แสนคน/ครั้ง ขยายตัวเพิ่มขึ้น ร้อยละ 9 จากปีที่ผ่านมา ซึ่งแบ่งเป็นนักท่องเที่ยวชาวไทยประมาณ 3.6 แสนคน/ครั้ง นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติประมาณ 97,000 คน/ครั้ง และสร้างรายได้หมุนเวียนในพื้นที่ ประมาณ 2,000 ล้านบาท