โนเบิล มั่นใจเศรษฐกิจไทยหลังโควิด-19 เปิด 3 โครงการใหม่ มูลค่ารวมกว่า 5,000 ล้านบาท ตอกย้ำความสำเร็จแบรนด์ NUE บนทำเลศักยภาพติดรถไฟฟ้าทั่วกรุงเทพฯ
นายอรัฐ เศวตะทัต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานพัฒนาธุรกิจ บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากการชะลอตัวของตลาดคอนโดมิเนียมระดับไฮเอน และผลกระทบที่เกิดจากการแพร่ระบาดของ โควิด-19 บริษัทจึงปรับแผนหันมาพัฒนาโครงการระดับราคา 2-3 ล้านบาทต่อยูนิต ภายใต้แบรนด์ NUE อย่างต่อเนื่อง โดยจะเพิ่มสัดส่วนการพัฒนาจากปี 2561 อยู่ที่ 2 % เพิ่มเป็น 11 % ในปี 2562 และ 22 % ในปี 2563 ส่วนปีหน้าจะเพิ่มเป็น 50 % โดยการพัฒนา มุ่งเจาะทำเลที่เป็นศูนย์กลางในย่านเมืองใหม่ หรือ New Urban Epicenter ตามแนวรถไฟฟ้าเส้นหลักและส่วนต่อขยายทั่วกรุงเทพฯ
และจากความสำเร็จของการเปิดตัว นิว โนเบิล แจ้งวัฒนะ (NUE NOBLE CHAENGWATTANA) โครงการแรก เมื่อปี 2561 ตามด้วยนิว โนเบิล ศรีนครินทร์-ลาซาล (NUE NOBLE SRINAKARIN-LASALLE) เมื่อปลายปี 2562 ที่กวาดยอดขายอย่างถล่มทลายตั้งแต่รอบพรีเซล ทำให้บริษัทตัดสินใจเดินหน้า เปิดอีก 3 โครงการในครึ่งหลังของปี 2563 นี้ ได้แก่ “นิว โนเบิล งามวงศ์วาน” (NUE NOBLE NGAMWONGWAN) ติดรถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำตาล สถานีจุฬาเกษม เชื่อมต่อรถไฟฟ้า 5 สาย มูลค่า 1,800 ล้านบาท คอนโดมิเนียมสูง 37 ชั้น 1อาคาร จำนวน 800 ยูนิต ขนาด 22-34.80 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 1.59 ล้านบาท เปิดขายเมื่อ 7 ก.ค.ที่ผ่านมา โดยสามารถกวาดยอดขายแล้วได้ 900 ล้านบาท จากกลุ่มลูกค้าภายในประเทศ ภายในระยะเวลาเพียง 3 สัปดาห์หลังจากเปิดตัว โดยลูกค้ากลุ่มนี้ได้ชำระเงินทำสัญญาพร้อมเงินจองเป็นที่เรียบร้อย พร้อมคาดการณ์ว่าจะสร้างยอดขายจากกลุ่มลูกค้าต่างประเทศได้อีกกว่า 20% และมั่นใจว่าจะสามารถทำยอดขายรวมได้ประมาณ 70 % เร็วๆ นี้ ซึ่งเกินจากเป้าหมายที่บริษัทฯ
การตอบรับที่ดีจากตลาด บริษัทฯ จึงได้ทำการเปิดตัวคอนโดมิเนียมแบรนด์ NUE อย่างต่อเนื่องอีก 2 ทำเล ที่ใจกลางย่านรัชดา-ลาดพร้าว และสี่แยกไฟฉาย สำหรับโครงการ “นิว โนเบิล รัชดา – ลาดพร้าว” (NUE NOBLE RATCHADA – LAT PHRAO) ที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา นายธีรพล วรนิธิพงศ์ กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานพัฒนาธุรกิจ บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ได้กล่าวว่า “โครงการนี้เป็นโครงการแรกที่โนเบิลฯ ร่วมมือกับ บริษัท ยู ซิตี้ จำกัด (มหาชน) ในกลุ่ม บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) โดยแต่ละฝ่ายได้ลงทุนในอัตราส่วน 50% เพื่อพัฒนาคอนโดมิเนียมสูง 34 ชั้น มูลค่า 2,000 ล้านบาท จำนวน 565 ยูนิต ขนาด 22.50-42.60 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้นเพียง 2.39 ล้านบาท เปิดให้จองรอบ Online Booking ในวันที่ 16 สิงหาคมนี้ ตั้งเป้ายอดขาย 8,000 ล้านบาทใน 3 สัปดาห์
สำหรับ นิว โนเบิล ไฟฉาย – วังหลัง” (NUE NOBLE FAI CHAI – WANG LANG) ที่เตรียมเปิดตัวกลางเดือนสิงหาคมนี้ เป็นโครงการคอนโดมิเนียม High-Rise แห่งแรกของโนเบิลฯ ในพื้นที่ฝั่งธนบุรี มูลค่าโครงการ 1,200 ล้านบาท บนทำเลใจกลางแยกไฟฉาย – วังหลัง เพียง 80 เมตรจากสถานีไฟฉาย
บริษัทฯ เชื่อมั่นว่าทั้ง 3 โครงการใหม่จากแบรนด์ NUE จะสามารถตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายใหม่ที่มีความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยบนทำเลศักยภาพติดรถไฟฟ้า ใกล้สิ่งอำนวยความสะดวก ซึ่งตอบโจทย์การใช้ชีวิตและการลงทุน โดยในปี 2564 ทางบริษัทฯ วางแผนเตรียมเปิดตัวคอนโดมิเนียมแบรนด์ NUE เพิ่มอีกอย่างน้อย 3 โครงการ เพื่อรุกตลาดกลุ่มเป้าหมาย NUE และขยายโครงการอย่างต่อเนื่อง นายอรรถวิทย์ เฉลิมทรัพยากร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานการเงิน บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวเสริมว่า “บริษัทฯ เชื่อมั่นว่าจะสามารถสร้างรายได้ทั้งปีได้มากกว่า 10,000 ล้านบาท จากการทยอยรับรู้รายได้จากโครงการที่สร้างแล้วเสร็จพร้อมโอนมูลค่ากว่า 8,600 ล้านบาท และการขายยูนิตเพิ่มจากโครงการที่สร้างเสร็จอีกเพียง 1,400 ล้านบาท ซึ่งบริษัทฯ มียอดขายรอโอน (backlog) มากกว่า 15,000 ล้านที่จะทยอยรับรู้ภายใน 3 ปีข้างหน้า”