มูลค่าส่งออกเดือน ม.ค. อยู่ที่ 25,277.0 ล้านดอลลาร์ฯ ขยายตัว 13.6%YoY ต่อเนื่องจากเดือนก่อนที่ 8.2%YoY โดยการส่งออกสินค้าทั้งกลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม สินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร ต่างเติบโตต่อเนื่อง การส่งออกทองคำในเดือนนี้เติบโตที่ 148.9%YoY ทำให้เมื่อหักทองคำแล้วมูลค่าส่งออกเดือนนี้ขยายตัวอยู่ที่ 10.6%YoYโดยมีแรงขับเคลื่อนที่สำคัญจาก
การส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมขยายตัว 17.0%YoY เติบโตต่อเนื่องจาก 11.1%YoY ในเดือนก่อน โดยสินค้าสำคัญที่ขยายตัว ได้แก่ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ (+45.0%) อัญมณีและเครื่องประดับ (+148.8%) เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ (+33.2%) เป็นต้น ส่วนสินค้าสำคัญที่หดตัว ได้แก่ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ (-16.5%) เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ (-18.6%)อุปกรณ์กึ่งตัวนำ ทรานซิสเตอร์ และไดโอด (-38.2%) เป็นต้น
การส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตรทรงตัว 0.1%YoY จากเดือนก่อนที่ขยายตัวได้ 5.7%YoY โดยสินค้าอุตสาหกรรมเกษตร ขยายตัว 3.0%YoY จากเดือนที่ผ่านมาซึ่งเติบโต 6.7%YoY สวนทางกับสินค้าเกษตรที่หดตัว 2.2%YoY จากเดือนก่อนซึ่งเติบโต 10.7%YoY โดยสินค้าส่งออกสำคัญที่ขยายตัวสูง ได้แก่ ไก่สด แช่เย็น แช่แข็ง และแปรรูป (+12.3%) อาหารสัตว์เลี้ยง (+13%) ผลิตภัณฑ์ข้าวสาลีและอาหาร
การส่งออกรายตลาดสำคัญส่วนใหญ่ขยายตัวจากการส่งออกอิเล็กทรอนิกส์และทองคำเป็นสำคัญ
สหรัฐฯ: ขยายตัว 22.4%YoY เติบโตติดต่อกันเป็นเดือนที่ 16 โดยสินค้าสำคัญที่ขยายตัว อาทิ เครื่องคอมพิวเตอร์อุปกรณ์และส่วนประกอบ ส่วนสินค้าสำคัญที่หดตัว เช่นอุปกรณ์กึ่งตัวนำ ทรานซิสเตอร์ และไดโอด
จีน: ขยายตัว 13.2%YoY เติบโตต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 โดยสินค้าสำคัญที่ขยายตัว เช่น อัญมณีและเครื่องประดับ ด้านสินค้าสำคัญที่หดตัว เช่น เครื่องสำอาง สบู่ และผลิตภัณฑ์รักษาผิว เป็นต้น
ญี่ปุ่น: ขยายตัว 1.9%YoY เติบโตติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 โดยสินค้าสำคัญที่ขยายตัว เช่น อัญมณีและเครื่องประดับ เป็นต้น ส่วนสินค้าสำคัญที่หดตัว เช่น เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ น้ำมันสำเร็จรูป และน้ำตาลทราย เป็นต้น
EU27: ขยายตัว 13.8%YoY เติบโตติดต่อกันเป็นเดือนที่ 8 โดยสินค้าสำคัญที่ขยายตัว เช่น อัญมณีและเครื่องประดับ เป็นต้น ส่วนสินค้าสำคัญที่หดตัว เช่น รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เป็นต้น
ASEAN-5: ขยายตัว 4.8%YoY กลับมาเติบโตในรอบ 3 เดือน โดยสินค้าสำคัญที่ขยายตัว เช่น อัญมณีและเครื่องประดับ เป็นต้น ส่วนสินค้าสำคัญที่หดตัว เช่น เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ เป็นต้น
มูลค่าการนำเข้าเดือน ม.ค. อยู่ที่ 27,157.2 ล้านดอลลาร์ฯ ขยายตัว 7.9%YoY ชะลอตัวจาก 14.9%YoY เมื่อเดือนก่อน โดยการนำเข้าขยายตัวทั้งสินค้าทุน (+17.8%YoY) สินค้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูป (+4.2%YoY) สินค้าอุปโภคบริโภค (+9.0%YoY) และสินค้ายานพาหนะฯ (+1.4%YoY) ขณะที่การนำเข้าส่วนสินค้าเชื้อเพลิงหดตัวเล็กน้อย (-1.0%YoY) ส่วนดุลการค้าเดือน ม.ค. ขาดดุล 1,880.2 ล้านดอลลาร์ฯ
แม้การส่งออกเดือน ม.ค. ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 7 ส่วนหนึ่งเป็นผลจากปัจจัยชั่วคราว ตามการเร่งส่งออกก่อนได้รับผลกระทบจากมาตรการกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ ระลอกใหม่ ขณะที่ภาวะการค้าระหว่างประเทศระยะข้างหน้ายังมีความไม่แน่นอนสูง การส่งออกของไทยยังเติบโตดีสอดคล้องกับหลายประเทศในภูมิภาคเอเชีย เป็นผลจากแรงหนุนของวัฏจักรอิเล็กทรอนิกส์ซึ่งยังอยู่ในช่วงขาขึ้น และปัจจัยชั่วคราวตามการคำสั่งซื้อของสหรัฐ (PMI Imports) ที่ยังอยู่ในระดับสูงต่อเนื่อง สอดคล้องกับการผลิตโลกที่ยังส่งสัญญาณขยายตัวในเดือน ม.ค. 2568 โดยดัชนีผู้จัดการฝ่ายซื้อภาคการผลิต (Manufacturing PMI) เดือน ม.ค. 68 อยู่ที่ระดับ 50.1 สูงกว่าเดือนก่อนที่ 49.6
คาดว่ามูลค่าการส่งออกของไทยในปี 2568 มีแนวโน้มขยายตัวในอัตราที่ชะลอลง ในระยะข้างหน้า ต้องจับตาวัฏจักรเซมิคอนดักเตอร์และสินค้าอิเล็กทรอกนิกส์ ที่เป็นแรงขับเคลื่อนการส่งออกไทยตลอดปี 2024 ว่าจะเติบโตต่อเนื่องหรือไม่ เนื่องจากมีสัญญาณการขยายตัวที่เริ่มชะลอลง
อีกทั้งการค้าโลกและการส่งออกของไทยยังเผชิญกับสงครามการค้า และความไม่แน่นอนของนโยบายการค้าของประเทศหลัก ซึ่งสะท้อนจากดัชนี Trade Policy Uncertainty Index ของสหรัฐฯ ที่ปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องหลังจากการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ (พ.ย.2567)
กฤษฏิ์ ศรีปราชญ์
กฤตตฤณ เหล่าฤทธิ์
Krungthai COMPASS