‘บมจ.แอสเซทไวส์’ หรือ ASW ไตรมาส 2/2567 เตรียมโอนกรรมสิทธิ์คอนโดมิเนียมสร้างเสร็จใหม่ 4 โครงการ มูลค่าโครงการรวมกว่า 6,600 ล้านบาท นำโดยเรือธงแบรนด์ “เคฟ” แคมปัสคอนโดฯ รอบมหาวิทยาลัย “เคฟ ซี้ด เกษตร” ใกล้ ม.เกษตร “เคฟ ทาวน์ ไอส์แลนด์” ใกล้ ม.กรุงเทพ-รังสิต และ “เคฟ ยูนิเวิร์ส บางแสน” ใกล้ ม.บูรพา ขณะที่ภูเก็ตพร้อมรับรู้รายได้จาก “เดอะไทเทิล ฮาโลวัน ในยาง” คอนโดฯ สร้างเสร็จใหม่โครงการแรก ภายใต้การพัฒนาของ บมจ.ร่มโพธิ์ พร็อพเพอร์ตี้ หรือ TITLE บริษัทลูก หลัง ASW เข้าลงทุนใน TITLE เมื่อไตรมาส 3 ปีที่ผ่านมา พร้อมโครงการบ้านอีก 2 โครงการขานรับมาตรการกระตุ้นอสังหาฯ ภาครัฐ แรงส่งตลาดบ้านปี 67 หนุนเศรษฐกิจไทยขับเคลื่อน
นายกรมเชษฐ์ วิพันธ์พงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด (มหาชน) (ASW) บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นผู้นำด้านไลฟ์สไตล์ภายใต้แนวคิด “ความสุขที่ออกแบบมาเพื่อคุณ” หรือ “We Build Happiness” เปิดเผยว่า ในไตรมาส 2/2567 ถือเป็นอีกหนึ่งไตรมาสที่ดีของบริษัทฯ เนื่องจากมีโครงการคอนโดมิเนียมสร้างเสร็จใหม่ เตรียมโอนกรรมสิทธิ์ถึง 4 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 6,607 ล้านบาท ประกอบด้วยแบรนด์ “เคฟ” 3 โครงการ ได้แก่ เคฟ ซี้ด เกษตร (Kave Seed Kaset) 600 ยูนิต ใกล้มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์, เคฟ ทาวน์ ไอส์แลนด์ (Kave Town Island) 1,770 ยูนิต ใกล้มหาวิทยาลัยกรุงเทพ-รังสิต, เคฟ ยูนิเวิร์ส บางแสน (Kave Uni.Verse Bang Saen) 245 ยูนิต ห่างจากมหาวิทยาลัยบูรพาเพียง 200 เมตร และ เดอะไทเทิล ฮาโลวัน ในยาง (The Title Halo 1 Naiyang) 329 ยูนิต ใกล้หาดในยาง ภูเก็ต รวมถึงอีก 2 โครงการบ้าน ได้แก่ โครงการ ดิ ออเนอร์ โยธินพัฒนา (The Honor Yothinpattana) และโครงการใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวอย่างโครงการ เอสต้า ซีรีนิตี้ บรมราชชนนี (ESTA Serenity Boromratchachonnani)
ทั้งนี้ คอนโดฯ แบรนด์เคฟ เป็นหนึ่งในเรือธงหลักสำคัญของ ASW ที่สร้างความแข็งแกร่งให้กับพอร์ตรายได้มาอย่างต่อเนื่อง มีจุดเด่นคือทำเลรอบมหาวิทยาลัย (Campus Condo) จับกลุ่มลูกค้าเรียลดีมานด์ (Real Demand) เพื่ออยู่อาศัย รวมทั้งกลุ่มนักศึกษา Gen Z ที่พักอาศัยระหว่างเรียน และกลุ่มนักลงทุนอสังหาฯ ที่ต้องการผลตอบแทน (Yield) ที่ดีจากการปล่อยเช่า ส่วนโครงการเดอะไทเทิล ฮาโลวัน ในยาง พัฒนาโดย บมจ.ร่มโพธิ์ พร็อพเพอร์ตี้ หรือ TITLE ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ ASW โดยถือว่าเป็นคอนโดฯ สร้างเสร็จใหม่ตัวแรกในทำเลภูเก็ต ที่สามารถรับรู้รายได้ภายหลังจากที่บริษัทฯ เข้าลงทุนใน TITLE เมื่อไตรมาส 3 ปีที่ผ่านมา โดยโครงการดังกล่าวมีมูลค่าสูงถึง 1,537 ล้านบาท
นายกรมเชษฐ์ กล่าวต่อว่า จากการที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบให้ขยายเพดานบ้าน จากเดิมไม่เกิน 3 ล้านบาท เป็นไม่เกิน 7 ล้านบาท ให้ได้รับสิทธิ์มาตรการทางภาษีซื้อขายที่อยู่อาศัย ได้แก่ ลดหย่อนค่าธรรมเนียมการโอนจาก 2% เหลือ 0.01% และค่าธรรมเนียมการจดจำนองจาก 1% เหลือ 0.01% ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2567 และโครงการสินเชื่อบ้าน ให้อัตราดอกเบี้ยคงที่ 3% เป็นระยะเวลา 5 ปี วงเงินต่อรายสูงสุด ไม่เกิน 3 ล้านบาท รวมถึงมาตรการอื่นๆ อีก เชื่อว่าจะส่งผลให้ตลาดที่อยู่อาศัยในปี 2567 คึกคักขึ้น เพราะจะทำให้ผู้ที่ต้องการซื้อบ้านเร่งตัดสินใจซื้อบ้านภายในปีนี้ และส่งผลเชื่อมโยงไปยังธุรกิจต่างๆ อีกจำนวนมาก เช่น แรงงาน วัสดุก่อสร้างและตกแต่งบ้าน เฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้า ของใช้ภายในบ้าน ฯลฯ อันจะส่งผลดีต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจในภาพรวม