บมจ. บี.กริม เพาเวอร์ (BGRIM) และ บมจ. สิงห์ เอสเตท (S) ประกาศว่า ทั้งสองบริษัทได้บรรลุข้อตกลงอย่างเป็นทางการ และทำธุรกรรมการถือหุ้นในบริษัทผลิตไฟฟ้าทั้ง 2 แห่งเสร็จสิ้นเรียบร้อย หลังจากที่ก่อนหน้านี้ได้ทำธุรกรรมการถือหุ้นในบริษัทผลิตไฟฟ้าหนึ่งแห่งเสร็จสิ้นไปเมื่อเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2564 ทำให้ปัจจุบัน บี.กริม เพาเวอร์ ถือหุ้น 70% และ สิงห์ เอสเตท ถือหุ้น 30% ในบริษัทผลิตไฟฟ้าทั้งสามแห่ง ซึ่งตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรม เอส อ่างทอง
บริษัทผลิตไฟฟ้าทั้ง 3 บริษัท มีกำลังการผลิตไฟฟ้ารวม 403 เมกะวัตต์ (MW) ประกอบไปด้วย บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ (อ่างทอง) 1 จำกัด ซึ่งดำเนินโครงการโรงไฟฟ้าประเภทพลังความร้อนร่วม กำลังผลิต 123 เมกะวัตต์ และโครงการผลิตไฟฟ้าแห่งใหม่ 2 แห่ง ซึ่งมีบริษัท บี.กริม เพาเวอร์ (อ่างทอง) 2 จำกัด และ บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ (อ่างทอง) 3 จำกัด เป็นเจ้าของใบอนุญาต แต่ละแห่งมีกำลังการผลิต 140 เมกะวัตต์ และมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) 90 เมกะวัตต์ กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เป็นเวลา 25 ปี โดยบี.กริม เพาเวอร์ ถือหุ้น 70% สิงห์ เอสเตท ถือหุ้น 30% ในแต่ละบริษัทร่วมทุน
ดร. ฮาราลด์ ลิงค์ ประธาน บี.กริม และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “BGRIM จะใช้ความชำนาญในการเป็น Utilities Solution Provider เพิ่มศักยภาพในความร่วมมือมุ่งสู่การเป็น SMART Eco Industrial Estate ซึ่งประกอบไปด้วยการพัฒนาดังต่อไปนี้ 1) ธุรกิจไฟฟ้ารวมถึงระบบการส่งและจำหน่ายไฟฟ้าตลอดจนการเตรียมพร้อมสำหรับแพลตฟอร์มดิจิทัล, 2) ระบบส่งและจำหน่ายก๊าซ, 3) Smart Solution รวมถึงการใช้ solar rooftop และ solar floating เพื่อการเพิ่มประสิทธิภาพและการประหยัดพลังงานของลูกค้าอุตสาหกรรม (IU), 4) การซื้อขายพลังงานผ่านระบบ energy trading สำหรับ P2P, 5) ใบรับรองเครดิตการผลิตพลังงานหมุนเวียน (REC) เพื่อให้การสนับสนุนแผนลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของลูกค้า IU ตามเป้าหมายไปสู่ความยั่งยืน และ 6) ระบบกักเก็บพลังงาน เพื่อเสริมเสถียรภาพและประสิทธิภาพของพลังงานทดแทน และเรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่มีพันธมิตรที่แข็งแกร่ง อย่าง สิงห์ เอสเตท เพื่อก้าวไปข้างหน้าด้วยกัน”
นางฐิติมา รุ่งขวัญศิริโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “สิงห์ เอสเตท ภูมิใจอย่างมากที่ก้าวเข้ามาเป็นหนึ่งในผู้เล่นหลักในภาคการผลิตไฟฟ้าของประเทศไทยได้อย่างรวดเร็ว ผ่านการร่วมทุนกับหนึ่งในบริษัทที่มีชื่อเสียงและได้รับการยอมรับมากที่สุดของประเทศไทยในด้านการผลิตไฟฟ้า ธุรกิจนี้เป็นธุรกิจที่มีผลตอบแทนที่น่าดึงดูดใจ และที่สำคัญไปมากกว่านั้นคือ เป็นธุรกิจที่จะมาผนึกกำลังส่งเสริมซึ่งกันและกันกับธุรกิจหลักของสิงห์ เอสเตท ซึ่งประกอบไปด้วย อสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ ที่อยู่อาศัย รีสอร์ท และโรงแรม ได้เป็นอย่างดี”
“ในปี 2564 เราได้เดินหน้าผนึกกำลังเป็นพันธมิตรกับธุรกิจที่มาส่งเสริมซึ่งกันและกันกับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์หลักของเรา โดยมุ่งเน้นผนึกกำลังเป็นพันธมิตรกับผู้นำในธุรกิจต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ด้วยความมุ่งมั่นในการเดินหน้าตามกลยุทธ์อย่างมีเป้าหมาย โดยไม่พะวงกับสถานการณ์โควิด-19 เพื่อเติมเต็มการเติบโตในระยะยาวของเรา นางฐิติมา กล่าว
“บี.กริม เพาเวอร์ ร่วมส่งมอบคุณภาพผ่าน 1) การใช้พลังงานที่มีประสิทธิภาพสูงสุดจากการบริหารจัดการระบบไฟฟ้า น้ำเย็น น้ำร้อน การจัดส่งก๊าซ และการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ, 2) One-stop Solution โดยเสนออุปกรณ์และเครื่องมือในการบริหารจัดการอย่างครบวงจร ผ่านการผนึกกำลังของบริษัทต่างๆ ในกลุ่ม บี.กริม, 3) การบริหารจัดการไฟฟ้าอย่างมีประสิทธิภาพผ่าน energy-efficient solution เพื่อลดปริมาณ carbon footprint, 4) ประสบการณ์และความเชี่ยวชาญ ซึ่งสามารถสร้างความแตกต่างได้เป็นอย่างดี และ 5) การเป็นพันธมิตรที่ดีด้วยพันธสัญญา “การดำเนินธุรกิจด้วยความโอบอ้อมอารีเพื่อสร้างความศิวิไลซ์ ภายใต้ความเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ”ดร.ฮาราลด์ ลิงค์ กล่าว
การร่วมทุนทั้งสามบริษัทนี้ คาดว่าจะสร้างรายได้ไม่ต่ำกว่า 7,800 ล้านบาทในปี พ.ศ. 2567