อนันดา วางแผนแบบยืดหยุ่น พร้อมปรับลดและเพิ่ม ให้สอดรับกับภาวะตลาด ปี 63 ปรับกลยุทธ์ มุ่งพัฒนาแบรนด์ IDO รับกลุ่มลูกค้า Gen C ประเดิมด้วยโครงการเก่าปรับใหม่ย่านสะพานควาย เคาะราคา 139,000 บาท/ตารางเมตร เผยยังมีสินค้าให้ขายอีกกว่า 124,000 ล้านบาท
นายชานนท์ เรืองกฤตยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า การวางแผนในการดำเนินธุรกิจในยุคปัจจุบันต้องมีการเปลี่ยนแปลงได้ตลอด โดยเฉพาะธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ที่มีขึ้นมีลง ดังนั้นเป็นหน้าที่ของเราที่ต้องปรับตัว โดยในส่วนของบริษัท อนันดาฯ ซึ่งมีผู้ร่วมทุนที่พร้อมจะให้การสนับสนุน ได้ปรับตัวภายใต้แนวคิด Change The Plan Never The Goal ด้วยการมุ่งมั่นที่จะพัฒนาคอนโดมิเนียมติดรถไฟฟ้า ด้วยแบรนด์ IDO เป็นหลัก ตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้า Gen C
ในปีนี้บริษัทมีแผนการเปิดตัวโครงการ ไอดีโอ พหล-สะพานควาย อยู่ติดรถไฟฟ้าบีทีเอส สถานีสะพานควาย บนที่ดินกว่า 5 ไร่ จำนวน 1,356 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 139,000 บาท/ตารางเมตร รวมมูลค่า 8,500 ล้านบาท ซึ่งได้ปรับรูปแบบโครงการให้สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้าและสภาวะตลาด และยังมีแผนที่จะเปิดอีก 7 โครงการ เมื่อภาวะตลาดอำนวยก็พร้อมจะเปิดได้ทันที
ในส่วนของธุรกิจเซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์ โครงการ SOMERSET RAMA 9 ก่อสร้างแล้วเสร็จ จะมีรายได้เข้ามาในไตรมาส 1 โครงการ LYF SUKHUMVIT 8 สร้างแล้ว 99 % คาดจะมีรายได้ในไตรมาส 2 รวม 300 ล้านบาท โครงการ ASCOTT EMBASSY SATHORN ก่อสร้างแล้ว 55 % คาดจะมีรายได้ไตรมาส 1 ปี 2564 โครงการ ASCOTT THONGLOR BANGKOK ก่อสร้างแล้ว 18 % จะสร้างรายได้ในไตรมาส 2 ปี 2564 รวม 1,200 ล้านบาท โครงการ SOMERSET PATTAYA ฐานรากเสร็จเรียบร้อยแล้ว คาดจะสร้างรายได้ในไตรมาส 1 ปี 2565 จำนวน 1,800 ล้านบาท
นอกจากนี้ยังมีแผนที่จะขยายแหล่งรายได้ใหม่ ด้วยการลงทุนพัฒนาโครงการมิกซ์ยูสเป็นครั้งแรกด้วยการร่วมทุนกับกลุ่ม บีทีเอส บนที่ดินกว่า 200 ไร่ บริเวณหน้าโครงการ ธนาซิตี้ ติดถนนบางนา-ตราด โดยตั้งเป้าให้เป็น Smart City และ Technology & Innovation Hub
บริษทมียอดขายรอรับรู้รายได้ (Backlog) กว่า 31,000 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ใน 3 ปีจากนี้ ส่วนกระแสเงินสดบริษัทมีมากกว่า 14,800 ล้านบาท
นายชานนท์ กล่าวว่าไปว่า บริษัทมีสินทรัพย์พร้อมส่งมอบใน 4 ปีข้างหน้ามากกว่า 124,000 ล้านบาท เป็นคอนโดมิเนียม 108,000 ล้านบาท แนวราบ 16,000 ล้านบาท โดยเปายอดขายในปี 2563 ตั้งไว้ 22,000 ล้านบาท เติบโตขึ้น 10 % โดย 88 % มาจากคอนโดมิเนียม อีก 12 % เป็นแนวราบ
ส่วนผลประกอบการในปี 2562 มีการเปิดโครงการใหม่ 6 โครงการ เป็นแนวราบ 2 โครงการ คอนโดมิเนียม 4 โครงการ โดยเป็นโครงการร่วมทุน 3 โครงการ รวมมูลค่า 15,944 ล้านบาท มียอดโอน 20,000 ล้านบาท โดย 22 % คิดเป็น 1,067 ยูนิต มาจากลูกค้าต่างชาติ เติบโตขึ้น 10 % และ 60 % ของยอดโอนมาจากโครงการเก่า โดยยอดโอนเติบโตขึ้น 40 % และ 40 % ของยอดโอน มาจาก คอนโดใหม่ที่สร้างเสร็จ 8 โครงการ โดย 41 % ของลูกค้าโอนด้วยเงินสด อีก 59 % ใช้สินเชื่อ