สิงห์ เอสเตท เผย เร่งเสาะหาผู้ร่วมทุนสานแผนผุดคอนโดมิเนียม ล่าสุด เปิดโครงการ ดิ เอ็กซ์โทร พญาไท-รางน้ำ ชูทำเลติดสวนสันติภาพ 20 ไร่ ขายราคาเริ่มต้นที่ 5.99 ล้านบาท เฉลี่ย 235,000 บาท ต่อตารางเมตร มุ่งขายต่างชาติ 30 % แย้มเหมาไปแล้ว 40 ยูนิต ตั้งเป้าขาย 50 % ในปีนี้
นายณัฐวุฒิ มัธยมจันทร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการพัฒนาธุรกิจ บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า การที่่บริษัทยังไม่ประกาศแผนว่าจะเปิดกี่โครงการในปีนี้ ทั้งที่บริษัท มีความพร้อมในการเปิดโครงการใหม่ แต่ด้วยตลาดที่ยังไม่เอื้ออำนวย โดยมองว่าจะมีผู้ประกอบการที่ชะลอการเปิดโครงการในช่วงปีที่แล้ว จะนำมาเปิดในปีนี้เป็นจำนวนมาก จึงยังไม่ประกาศ อย่างไรก็ตาม บริษัทมีความพร้อมที่จะเปิด 2 โครงการ โดยโครงการแรกที่เปิดในปีนี้คือ คือ ดิ เอ็กซ์โทร พญาไท- รางน้ำ (The EXTRO Phayathai-Rangnam) มูลค่า 4,000 ล้านบาท ส่วนอีกโครงการอยู่ระหว่างการเจรจากับผู้ร่วมทุนต่างชาติ
สำหรับโครงการ ดิ เอ็กซ์โทร พญาไท-รางน้ำ ตั้งอยู่ติดสวนสันติภาพในซอยรางน้ำ เป็นคอนโดมิเนียมสูง 33 ชั้น จำนวน 411 ยูนิต บนพื้นที่2-0-71 ไร่ มีห้องให้เลือก 3 แบบ คือ แบบ1ห้องนอน 31.25-35 ตารางเมตร 2 ห้องนอน 48.25-71.00 ตารางเมตร และแบบ Duplex 82.5-111.75 ตารางเมตร ราคาเฉลี่ย 235,000 บาท/ตารางเมตร หรือเริ่มต้นที่ 5.99 -29 ล้านบาท โดยจะเปิดอย่างเป็นทางการในวันที่ 22-23 กุมภาพันธ์ 2563 จับกลุ่มเป้าหมายเป็นคนไทย 70 % และต่างชาติ 30 % คาดจะมียอดจอง 50 % ภายในปีนี้ โดยเมื่อปลายปีที่ผ่านมา บริษัทได้เปิดขายรอบ Pro booking ให้กับกลุ่มคนไทยที่สนใจ 3 ชั้น มีผู้จองไปแล้ว 40 ยูนิต และนักลงทุนต่างชาติที่ซื้อเพื่อนำไปขายต่อให้กับชาว สิงคโปร์ จีน ฮ่องกง ไต้หวัน และญี่ปุ่น 3 ชั้น ทำยอดจองได้ 42 ยูนิต คิดเป็นมูลค่าทั้งหมด 300 ล้าน ส่วนเริ่มก่อสร้างในเดือนเมษายน 2563 คาดว่าจะแล้วเสร็จ ไตรมาส 4 ปี2565
ในปี 2563 ตั้งเป้ายอดโอนกรรมสิทธิ์ไว้ที่ 5,500-6,000 ล้านบาท เติบโตขึ้น 10 % จากปี 2562 ที่ทำได้ 5,000 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่าปี 2561 ที่ทำได้ 1,200 ล้านบาท โดยขณะนี้มียอดรอการโอน (Backlog) มูลค่าประมาณ 7,500 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ในปี 2563-254
นายณัฐวุฒิ กล่าวต่อไปว่า ที่ดินที่เป็นกรรมสิทธิ์ของเอกชนที่อยู่ติดสวนสันติภาพซอยรางน้ำ นั้นหายากมาก กว่าบริษัทจะบริษัทจะรวมที่ดินได้ 2 ไร่ต้องใช้เวลานาน ดังนั้นจึงเชื่อว่าบริเวณย่านรางน้ำ จะเป็นทำเลศักยภาพเพื่อการอยู่อาศัยใจกลางกรุงเทพฯ และจะเป็นย่านศูนย์กลางธุรกิจที่สำคัญในอนาคตอันใกล้
โครงการ ดิ เอ็กซ์โทร พญาไท-รางน้ำ สามารถเดินทางเชื่อมต่อไปยังที่ต่างๆ ได้อย่างสะดวกสบายและรวดเร็ว เพราะอยู่ห่างจากสถานี BTS อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ และสถานี MRT รางน้ำ (สายสีส้ม) เพียงแค่ 400 เมตร รวมถึงใกล้กับสถานีแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ พญาไท (Airport Rail Link Phayathai) และจุดขึ้นลงทางด่วน นอกจากนี้ ทำเลนี้ยังรายล้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกอีกมากมาย อาทิ โรงพยาบาลชั้นนำ สถานศึกษา ศูนย์การค้าและแหล่งช้อปปิ้ง โรงภาพยนตร์ และร้านอาหาร รวมถึงสตรีทฟู้ดชื่อดังที่ได้รับการแนะนำจากมิชลินสตาร์ไกด์ ซึ่งทางกรุงเทพมหานครมีแผนที่จะทำย่านรางน้ำให้เป็นถนนคนเดินในเร็วๆนี้
สิงห์ เอสเตท ได้พัฒนาโครงการ ดิ เอ็กซ์โทร พญาไท-รางน้ำ ด้วยแนวคิด “Extraordinary Living” ที่เน้นความพิเศษกว่า เนื่องจากกลุ่มเป้าหมายที่เป็นคนรุ่นใหม่ ชอบใช้ชีวิตในหลากหลายรูปแบบและไม่จำกัดกรอบชีวิตในบทบาทเดียว (Living Unstoppable) การออกแบบโครงการจึงเน้นเรื่องดีไซน์และนวัตกรรมการอยู่อาศัย เลือกใช้วัสดุที่มีคุณภาพมาตรฐาน
“เราพิถีพิถันออกแบบพัฒนาโครงการ ดิ เอ็กซ์โทร พญาไท-รางน้ำ เพื่อตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ที่ต้องการซื้อคอนโดมิเนียมที่มีความแตกต่างและโดดเด่น เช่น ห้องพักออกแบบให้มีหน้ากว้างพิเศษ และห้องแบบดูเพล็กซ์มีการดีไซน์ให้เป็น Double Volume Living Room ซึ่งมีฝ้าเพดานสูงถึง 6.15 เมตร อีกทั้งยังอยู่ใกล้สวนสาธารณะขนาดใหญ่ 20 ไร่ จึงได้ออกแบบโดยใช้ระบบโครงสร้างผนังกระจก (Curtain Wall) เพื่อให้เห็นวิวสวนอย่างเต็มที่” นายณัฐวุฒิ กล่าว
ด้านนายสิริเกียรติ วาทะพุกกณะ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายการขายและการตลาด ฝ่ายพัฒนาธุรกิจพักอาศัย บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) กล่าวเพิ่มเติมว่า โครงการ ดิ เอ็กซ์โทร พญาไท-รางน้ำ มีแนวคิดสำหรับพัฒนาโครงการ ให้สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของผู้อยู่อาศัย และสอดคล้องกับศักยภาพของทำเลย่านรางน้ำ โดยโครงการมีแนวคิดพิเศษ 5 ประการ ได้แก่
1) EXTRA NEIGHBORHOOD ย่านรางน้ำ-พญาไท เป็นย่านที่ผสมผสานวิถีชีวิตหลากหลายรูปแบบไว้อย่างมีสีสันและคึกคักตลอด 24 ชั่วโมง พื้นที่ส่วนกลางจึงถูกออกแบบโดยคำนึงถึงไลฟ์สไตล์ที่ไม่เคยหลับใหล อาทิ พื้นที่ส่วนกลางที่เปิด 24 ชั่วโมง อย่าง Co-Social space และ Co-Working Space
2) EXTRA TIME เวลาเป็นเรื่องมีค่ากับชีวิต ที่ตั้งโครงการอยู่ใกล้รถไฟฟ้าจึงเดินทางได้สะดวกและรวดเร็ว (เดินเพียง 5 นาทีถึงสถานี BTS อนุสาวรีย์ฯ และในอนาคตจะมี MRT สายสีส้มส่วนต่อขยาย ห่างออกไปจากตัวโครงการเพียง 400 เมตร)
3) EXTRA SPACE ออกแบบให้มีพื้นที่ส่วนกลางมากขึ้น เช่น สวนลอยฟ้า Stack Garden และ Social Lounge บนชั้น 33 ให้คุณได้สังสรรค์กับเพื่อน
4) EXTRA LIFESTYLE นอกจากโครงการจะอยู่ติดสวนสันติภาพขนาดใหญ่กว่า 20 ไร่แล้ว ยังเอาใจคนรักสุขภาพ โดยออกแบบฟิตเนสให้มีถึง 3 ชั้น พร้อมอุปกรณ์ ครบครัน พร้อมสนามซ้อมวิ่ง Running Bowl Track สำหรับวอร์มร่างกายก่อนออกวิ่งในสวน
5) EXTRA CONVENIENCE มีการใช้นวัตกรรม Smart Living ด้วยระบบ Home Automation พร้อมระบบจอดรถอัตโนมัติ สมาร์ทล็อคเกอร์ และ EV Changer