สมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน แจงแผนการลงทุนสาธารณูปโภคภาครัฐ ช่วยกระตุ้นการขยายตัวของธุรกิจ ส่งผลให้ตลาดรับสร้างบ้านได้รับอานิสงค์ปี 63 น่าจะโตได้ราว 5-7 % คิดเป็นมูลค่า 13,000-13,500 ล้านบาท แต่ก็ยังหวั่นปัญหาการเมือง จะกลายเป็นปัจจัยเสียงที่สำคัญต่อการตัดสินใจสร้างบ้านของกลุ่มลูกค้า
นางศิริพร สิงหรัญ นายกสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน เปิดเผยว่า ในปี 2562 จำนวนบ้านที่มีการว่าจ้างให้บริษัทที่เป็นสมาชิกของสมาคมสร้างให้ไม่ได้เพิ่มขึ้น แต่ปลูกสร้างบ้านหลังใหญ่ขึ้น ทำให้สัดส่วนบ้านที่มีการสร้างราคาตั้งแต่ 5 ล้านบาทขึ้นไปเพิ่มขึ้นเป็น 76.5 % จากปีที่ผ่านมาสัดส่วนอยู่ที่ 72 % อีกทั้งมีการสร้างบ้านในรูปแบบของโฮมออฟฟิศมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นด้วย โดยอยู่ที่ราว 20-25 % นอกจากนี้ยังได้ลูกค้าในต่างจังหวัดที่หันมาสร้างบ้านกับสมาชิกของสมาคมมากขึ้น โดยมีสัดส่วนอยู่ที่ประมาณ 25 % ส่งผลให้ปีนี้ตลาดรับสร้างบ้านในส่วนที่เป็นสมาชิกของสมาคมเพิ่มขึ้นจากปี 2561 ที่ 5% โดยมีมูลค่ารวมราว 12,500 ล้านบาท
การที่มีลูกค้าในต่างจังหวัดหันมาสร้างบ้านกับบริษัทรับสร้างบ้านมากขึ้น เพราะสมาคมมีการผ่อนปรนเรื่องการรับสมาชิกมากขึ้น จากเมื่อก่อนที่ต้องมีประสบการณ์ 3 ปีขึ้นไป เป็น 1 ปี ก็สามารถเป็นสมาชิกสมทบได้ ในขณะเดียวกัน กลุ่มลูกค้าที่สร้างบ้านมีน้อยลง จากเมื่อก่อนอายุ 35 ปี เหลือ 25 ปี เพราะคนรุ่นใหม่นิยมทำธุรกิจด้วยเอง ทำให้มีเงินสร้างบ้านได้เร็วขึ้น
อย่างไรก็ตามกลุ่มรับสร้างบ้านระดับราคาต่ำกว่า 3 ล้านบาท ซึ่งมีอยู่ 3 % ลูกค้ากลุ่มนี้มีการใช้เงินกู้อยู่ที่ประมาณ 60 % และมียอดการถูกปฎิเสธสินเชื่อจากสถาบันการเงิน 30 % จึงต้องการให้แบงก์อย่าใช้เกณฑ์การพิจารณาปล่อยสินเชื่อแบบเดียวกับบ้านในโครงการจัดสรร เพราะการกู้เพื่อสร้างบ้านของลูกค้ากลุ่มนี้มีที่ดินเป็นของตัวเอง
ส่วนแนวโน้มตลาดรับสร้างบ้านปี 2563 นั้นมีปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญคือ ปัญหาการเมืองที่ทำให้ผู้บริโภคเกิดความไม่มั่นใจ ในขณะที่เศรษฐกิจก็ไม่เอื้ออำนวยทั้งเรื่องของการส่งออก การท่องเที่ยวก็ไม่ดีมาก ในขณะที่ปัจจัยบวกคือการขับเคลื่อนโครงการด้านสาธารณูปโภคใหญ่ๆของภาครัฐ รวมถึง AEC ซึ่งจะช่วยให้ภาคธุรกิจขับเคลื่อนตาม อุตสาหกรรมต่างจะมีการขยายตัว ส่งผลดีต่อตลาดรับสร้างบ้าน โดยคาดว่าจะเติบโตได้อีก 5-7 % คิดเป็นมูลค่าราว13,000 – 13,500 ล้านบาท โดยบ้านระดับกลางบนน่าจะยังเป็นตัวนำตลาดเช่นเดิม ขณะที่ตลาดในต่างจังหวัดคิดว่าจะยังมีอัตราการเติบโตต่อเนื่องและหลายๆ บริษัทจะมีการขยับออกไปทำตลาดในต่างจังหวัดเพิ่มมากขึ้น
นอกจากนี้ สมาคมฯได้มีการเลือกตั้งนายกคนใหม่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยผู้ที่ได้รับเลือก คือ นายวรวุฒิ กาญจนกูล กรรมการผู้จัดการบริษัท ดับบลิวเฮ้าส์ จำกัด ซี่งจะเข้ามารับตำแหน่งตั้งแต่ 1 มกราคม เป็นต้นไป โดยจะมีการประกาศเปิดตัวพร้อมนโยบายในวันที่ 17 มกราคม 2563
สำหรับเรื่องที่จะฝากให้นายกคนใหม่ช่วยสานต่อคือสร้างการรับรู้และยกระดับการสร้างบ้านให้ทั่วประเทศ โดยเน้นในเรื่องของคุณภาพและบริการ ไม่จำกัดเฉพาะสมาชิกสมาคม ต่อไปลูกค้าจะต้องไม่เจอกับปัญหาการทิ้งงาน หรือได้บ้านที่ไม่มีคุณภาพ