กระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา เร่งพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวใหม่ ล่อใจนักท่องเที่ยวต่างชาติ สู้ประเทศเพื่อนบ้านที่มีธรรมชาติ สดใหม่ ขายถูก เร่งวางแผนดึงงบแฝงนอกกระทรวงกลับคืน หวังขยายแหล่งเที่ยวชุมชน ดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทยทะลุ 42 ล้านคนในปี 63
นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวในโอกาสที่ลงพื้นที่เยี่ยมชม ชุนชนท่องเที่ยวต้นแบบ บ้านไร่กองขิง อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ว่า จากการที่ องค์การบริหารพัฒนาพื้นที่พิเศษ เพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน(องค์การมหาชน) (อพท.) ได้ย้ายมาอยู่ภายใต้การดูแลของกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬาเมื่อเดือนเมษายน ปี 2562 ทำให้ขอบเขตความรับผิดชอบเพิ่มขึ้นจาก 6 เขตขยายครอบคลุมถึง 37 จังหวัด ดังนั้นจำเป็นต้องใช้งบประมาณ จำเป็นต้องใช้งบประมาณในการดำเนินการมากขึ้น แต่งบประมาณของ อพท.ที่ได้มาในปีนี้ประมาณ 500 ล้านบาท จึงไม่เพียงพอ ทำให้ต้องทำเรื่องอุทธรณ์ถึงสำนักงบประมาณเพื่อของบประมาณมากขึ้น ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของการดำเนินการของคณะกรรมาธิการ คาดว่าปี 2564 จะได้งบประมาณเพิ่มขึ้นเป็น 1,000 บ้านบาท โดยขณะนี้อยู่ในช่วงของการจัดทำแผน ซึ่งจะต้องเสร็จสิ้นภายในวันที่ 20 มกราคม 2563
“ต้องยอมรับว่าที่ผ่านมาแผนการดำเนินงานระหว่าง อพท.และการท่องเที่ยวยังไม่มีความชัดเจน แต่หลังจากที่มีการแยกภารกิจที่ชุดเจนว่าหน่วยงานไหนจะต้องดำเนินการอะไรบ้างแล้ว จะมีการโยกงบประมาณที่แฝงอยู่ในกระทรวงอื่นๆมาให้กระทรวงท่องเที่ยวและกีฬาดำเนินการ ส่วนเรื่องเป้าจำนวนนักท่องเที่ยวที่ต่างชาติเที่ยวไทยในปี 2563 ที่รัฐบาลตั้งไว้จำนวน 42 ล้านคน ยอมรับว่าหนักใจ ในท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจโลกที่ไม่เอื้ออำนวย และปัญหาเรื่องสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะขยะในทะเล ทำให้นักท่องเที่ยวจากกลุ่มสแกนดิเนเวียหายไป 10 % อีกทั้งประเทศเพื่อนบ้านยังมีการขายทัวร์ถูกกว่าประเทศไทย แถมยังมีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สวยงาม สดใหม่ ไม่ว่าจะเป็น มาเลเซีย เวียดนาม กัมพูชา พม่า ดังนั้นประเทศไทยจำเป็นต้องพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆขึ้นมารองรับ เพราะแม้ประเทศไทยจะได้เปรียบในแง่ของการต้อนรับที่มีความเป็นมิตร และมีอาหารพื้นถิ่นทั้ง 4 ภาคเป็นอัตลักษณ์เป็นตัวดึงดูด ดังนั้นจึงขอฝากคนไทยทั้ง 4 ภาคว่า ให้คงอัตลักษณ์ของอาหารไทยไว้อย่างเข้มแข็ง อย่าเปลี่ยนแปลงรถชาติไปตามความต้องของนักท่องเที่ยว ซึ่งในที่สุดจะทำให้อัตลักษณ์ของเราหายไป” รมว.พิพัฒน์ กล่าว
นอกจากนี้ยังได้มีการเซ็นเอ็มโอยูกับกระทรวงคมนาคมเพื่อไปเจรจากับทางกระทรวงการต่างประเทศ ในเรื่องการแต่งตั้งบริษัทตัวแทนที่ผ่านการอบรมจากกรมการขนส่งทางบก กระทรวงคมนาคน ในการออกใบอนุญาตขับขี่ชั่วคราวให้กับนักท่องเที่ยวต่างชาติ เพื่อแก้ปัญหาขบวนคาราวานจากมณฑลยูนานที่เคยเข้ามาขับรถเที่ยวในประเทศไทยเป็นแสนคนต่อปี ที่ขณะนี้หายไปเพราะปัญหาความล่าช้าในการขออนุญาตมีใบขับขี่ของต่างชาติ ที่ต้องใช้เวลาถึง 1 เดือน ซึ่งถ้าขจัดปัญหานี้ได้ เชื่อว่าปีหน้าจะมีนักท่องเที่ยวที่ขับรถเข้ามาเที่ยวในเขตภาคเหนือ เช่น เชียงใหม่ เชียงรายเหมือนที่ผ่านผ่านมาไม่ต่ำกว่าปีละ 1-1.5 แสนคนต่อปี
ด้านนายสุเทพ เกื้อสังข์ รองผู้อำนวยการ องค์การบริหารพัฒนาพื้นที่พิเศษ เพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน(องค์การมหาชน)(อพท.) กล่าวว่า จากการที่มีการแก้ไขกฎหมายให้ อพท.สามารถเข้าไปพัฒนาพื้นที่ท่องเที่ยว ที่คณะกรรมการท่องเที่ยวแห่งชาติประกาศพื้นที่ใดเป็นพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน อพท.สามารถเข้าไปทำงาน ซึ่งมีถึง 37 จังหวัด ในขณะที่งบประมาณปี 2563 ที่อพท.ได้รับไม่สอดคล้องกับปริมาณพื้นที่ที่เพิ่มขึ้น อพท. คงต้องรองบประมาณปี 2564ที่ต้องให้ออกมาสอดคล้องกับขอบข่ายการทำงาน ทั้งแผนงาน แผนคน และเงิน
ส่วนปี 2563 ต้องใช้กลยุทธ์ในการดำเนินงานด้วยการสร้างเครือข่ายความร่วมมือกับทางภาครัฐ เช่นท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัด ภาคเอกชน และภาคประชาชน และสื่อมวลชน โดยมีเป้าหมายที่จะทำให้การท่องเที่ยวเป็นเครื่องมือในการสร้างเศรษฐกิจฐานราก สร้างแหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆ ที่เป็นวิถีของไทย ให้นักท่องเที่ยวมาเรียนรู้ แลกเปลี่ยนประสบการณ์ ในขณะเดียวกันชุมชนเองก็มีความสุข มีความรักความสามัคคี เป็นชุมชนน่าอยู่ บ้านไร่กองขิงเป็นชุมชนที่ไม่เผาขยะ เขาใช้วิธีการคัดแยกระหว่างส่วนที่ขายได้ กับส่วนที่เอามาทำเป็นปุ๋ยหมักเพื่อใช้ปลูกพืช เป็นพืชอินทรีย์ ทุกคนช่วยกันทำ สุดท้ายก็กลายเป็นชุมชนสีเขียว ชุมชนน่าอยู่ ที่ไม่มีเสียงอึกทึกครึกโครม กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยว ที่ให้นักท่องเที่ยวเข้ามาทดลองปลูกผัก ปรุงอาหารด้วยตนเอง โดยมี อพท.ก็มาทำหน้าที่ขยายผล ทำให้เห็นว่า การท่องเที่ยวชุมชนเป็นเครื่องมือที่ทำให้คนได้ใส่ใจในเรื่อง สิ่งแวดล้อม วัฒนธรรม ภูมิปัญญาท้องถิ่น โดยเฉพาะคนมีความเป็นเจ้าของบ้านที่ดี