นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา มั่นใจการท่องเที่ยวโดยชุมชนเป็นกลไกสำคัญช่วยกระจายรายได้ ฟื้นเศรษฐกิจฐานราก ชื่นชม บ้านไร่กองขิง ชุมชนต้นแบบตัวอย่างแห่งความสำเร็จ ย้ำทุกหน่วยงานด้านการท่องเที่ยวต้องทำงานร่วมกันอย่างบูรณาการจึงเห็นผลของการพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนในที่สุด
ในโอกาสลงพื้นที่เยี่ยมชุมชนท่องเที่ยวต้นแบบ บ้านไร่กองขิง อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า เพื่อต้องการสร้างการรับรู้ตัวอย่างการพัฒนาท่องเที่ยวโดยชุมชนอย่างยั่งยืน ที่มีกระบวนการสร้างการมีส่วนร่วมของคนในชุมชนในการบริหารจัดการการท่องเที่ยว อันนำมาซึ่งการสร้างและกระจายรายได้ลงสู่ชุมชนและพื้นที่เครือข่าย จึงได้เข้าเยี่ยมชมชุมชนบ้านไร่กองขิง ซึ่งเป็นชุมชนท่องเที่ยวต้นแบบ พัฒนาขึ้นโดยองค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน) หรือ อพท.
“จากนโยบายการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวโดยชุมชนให้เข้มแข็ง จัดการตนเองได้อย่างยั่งยืน ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ตอบโจทย์กระแสการท่องเที่ยวยุคใหม่ที่ต้องการสัมผัสประสบการท้องถิ่นที่จริงแท้ หรือ Local Experiences พร้อมขยายผลพัฒนาเครือข่ายชุมชนท่องเที่ยวคุณภาพจากระดับท้องถิ่นสู่ระดับชาติ มุ่งเป้าหมายกระจายรายได้จากการท่องเที่ยวสู่เศรษฐกิจฐานรากอย่างทั่วถึงและเป็นธรรม ลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม ชุมชนบ้านไร่กองขิง จึงถือเป็นตัวอย่างที่ดีของความสำเร็จจากการพัฒนา” รมว.พิพัฒน์ กล่าวในระหว่างการลงพื้นที่เยี่ยมชุมชนบ้านไร่กองขิง
สำหรับความสำเร็จของชุมชนแห่งนี้ กระทรวงฯ หรือ อพท. ไม่ได้คิดเอง แต่ได้รับการันตีจากรางวัลระดับชาติและนานาชาติถึง 4 รางวัลเช่น รางวัลกินรี และรางวัล Best Community Based Tourism จากสมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวภูมิภาคเอเชียและเอเชียแปซิฟิก หรือ PATA ความสำเร็จที่เกิดขึ้นมาจากการ่วมแรงร่วมใจของทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ตั้งแต่ผู้นำชุมชน นายสมศักดิ์ อินทะชัย ประธานชมรมส่งเสริมการท่องเที่ยวโดยชุมชนบ้านไร่กองขิง ประธานชมรมเครือข่ายการท่องเที่ยวโดยชุมชนในพื้นที่พิเศษ และนายกสมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวโดยชุมชนภาคเหนือ อพท. หน่วยงานต้นน้ำของการพัฒนา ตลอดจนผู้บริหารหน่วยงานภายใต้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กรมการท่องเที่ยว การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเชียงใหม่ และสำนักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยจังหวัดเชียงใหม่ เป็นหน่วยงานกลางน้ำและปลายน้ำ หนุนเสริมการพัฒนาสู่การตลาดท่องเที่ยว พร้อมด้วยแกนนำและสมาชิกสมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวโดยชุมชนภาคเหนือ
ชุมชนบ้านไร่กองขิงเกิดจากการนำต้นทุนทางวิถีวัฒนธรรมที่เป็นอัตลักษณ์และทรัพยากรที่มีอยู่ในชุมชนมาสร้างมูลค่าเพิ่มเป็นกิจกรรมท่องเที่ยวให้นักท่องเที่ยวได้มาท่องเที่ยวสัมผัสและเรียนรู้วัฒนธรรมท้องถิ่น เยาวชนได้มีส่วนร่วมอนุรักษ์และเผยแพร่ศิลปะวัฒนธรรมการตีกลองสะบัดชัยในวันหยุดเสาร์อาทิตย์ ปราชญ์ชุมชนได้มานำเสนอการนวด “ย่ำขาง” นวดบำบัดโรคภัยแบบพื้นบ้านล้านนาโดยพัฒนาเป็นกิจกรรมท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ซึ่งนักท่องเที่ยวที่มาเยือนจะได้สัมผัสเรียนรู้จากประสบการณ์จริง เช่น กลุ่มแม่บ้านมาสอนทำ “ลูกประคบสมุนไพรออแกนิก” กิจกรรมนวดด้วยลูกประคบสมุนไพร
การบริหารจัดการที่ดีจะช่วยให้เกิดกระจายรายได้ทั้งในชุมชน และพื้นที่ใกล้เคียง เช่น การนำเครื่องปั้นดินเผาจากชุมชนบ้านเมืองกุงมาเป็นกิจกรรมเขียนสีด้วยฝีมือนักท่องเที่ยวเอง และนำกลับบ้านเป็นของที่ระลึก ที่นี่ยังมีบริการ Homestay และ Home Lodge ที่พักนักเดินทางที่ได้มาตรฐาน ชมและช้อปผลิตภัณฑ์ออแกนิกของฝากของที่ระลึกผลิตโดยคนในชุมชนรับรองคุณภาพโดยหน่วยงานรัฐ อาทิ น้ำผึ้งจากดอกลำไย สบู่เหลวน้ำผึ้ง ยาหม่อง ลูกประคบ โลชั่นกันยุงสมุนไพร เป็นต้น และชิมอาหารท้องถิ่นขึ้นชื่อของชุมชนบ้านไร่กองขิง “ยำผลไม้สด” “ยำมะม่วงทรงเครื่อง” “คั่วหมี่ล้านนา” “ไข่ป่าม” และ“ข้าวซอยไก่ล้านนา” ชื่นชมการรำขันดอกของกลุ่มสตรี เพื่ออำนวยอวยพรให้มีความเจริญรุ่งเรือง อายุยืนยาว

nor
ดังนั้นจึงเห็นได้ว่าการท่องเที่ยวโดยชุมชนช่วยสร้างการมีส่วนร่วมของคนทุกเพศทุกวัยในชุมชนมาร่วมกันอนุรักษ์วิถีวัฒนธรรม ผู้เยี่ยมเยือนได้สัมผัสวัฒนธรรมที่จริงแท้ ทั้งเจ้าบ้านและคนมาเยี่ยมเยือนก็เกิดภาคภูมิใจในความเป็นไทย ได้รับการต้อนรับที่อบอุ่นดุจญาติมิตร นำมาซึ่งการกระจายรายได้จากการท่องเที่ยวไปยังกลุ่มต่างๆ อย่างทั่วถึงและเป็นธรรม การบริหารจัดการที่โปร่งใส ตรวจสอบได้ของชุมชน รวมถึงการคืนประโยชน์จากการท่องเที่ยวกลับสู่คนในชุมชน โดยชมรมจะหักรายได้จากการท่องเที่ยวส่วนหนึ่งเข้าสู่กองทุนท่องเที่ยว และในวันปีใหม่ทุกปี ชมรมจะจัดกิจกรรมวันครอบครัวบ้านไร่กองขิง โดยนำกองทุนท่องเที่ยวมาจัดเลี้ยงอาหารคนในชุมชน และมอบเป็นเงินสวัสดิการให้ผู้สูงอายุ และเป็นเงินทุนการศึกษาให้เด็กและเยาวชนในชุมชน และมอบรางวัลให้แก่คนทำดีในชุมชนในด้านสิ่งแวดล้อม ด้านการดูแลความปลอดภัย
นายพิพัฒน์ กล่าวอีกว่า ขอย้ำนโยบายที่มอบให้หน่วยงานภายใต้กระทรวงฯ ต้องทำงานร่วมกันอย่างบูรณาการในการพัฒนาการท่องเที่ยวโดยชุมชนไปสู่ความยั่งยืน ตั้งแต่หน่วยงานต้นน้ำ อพท. พัฒนาความเข้มแข็งการบริหารจัดการการท่องเที่ยวให้กับชุมชน หน่วยงานกลางน้ำ สำนักปลัดนำนโยบายสู่การปฏิบัติผ่านท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัด กรมการท่องเที่ยวรับรองมาตรฐานการท่องเที่ยวโดยชุมชน และหน่วยงานปลายน้ำ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ต่อยอดนำชุมชนท่องเที่ยวที่มีคุณภาพมาตรฐานสู่ตลาดการท่องเที่ยวที่เหมาะสม และทุกหน่วยงานจะร่วมกันหนุนเสริมการพัฒนาเครือข่ายการท่องเที่ยวโดยชุมชนในระดับจังหวัด ระดับภูมิภาคและระดับประเทศให้มีความเข้มแข็งและมีคุณภาพดังเช่นต้นแบบนี้ การท่องเที่ยวโดยชุมชนก็จะเป็นกลยุทธ์สำคัญที่จะกระจายรายได้สู่ชุมชน พัฒนาคุณภาพชีวิตและพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากอย่างแท้จริง และนำไปสู่การพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนในที่สุด