มั่นคงเคหะการฯ ได้ฤกษ์เปิดตัว “สำนักงานใหม่” ปักหมุดทำเลทองศูนย์กลางเศรษฐกิจกรุงเทพฯ บนถนนสุรวงศ์ ภายใต้คอนเซปต์ “Workplace Wellbeing” พร้อมสร้างวัฒนธรรมองค์กรแนวใหม่ เน้นปลูกฝังสุขภาวะที่ดีเพื่อสร้างสุขในการทำงานและส่งต่อไปยังผู้บริโภค ตอกย้ำแนวคิด “Wellbeing”
นายวรสิทธิ์ โภคาชัยพัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มั่นคงเคหะการ จำกัด (มหาชน) หรือ MK บริษัทผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อการขาย เพื่อเช่าและเพื่อการบริการ เปิดเผยถึงเหตุผลสำคัญในการย้าย “สำนักงานใหม่” มาที่ถนนสุรวงค์ในครั้งนี้ว่า เนื่องจากทางบริษัทฯ ได้ครบสัญญาเช่า 30 ปี (Leasehold) กับทางพื้นที่เดิมจึงถือโอกาสครั้งนี้ย้ายสำนักงานใหม่อันเป็นก้าวสำคัญของจุดเริ่มการพลิกโฉมครั้งใหญ่ เพื่อเดินหน้า สู่การเติบโตอย่างยั่งยืนของ มั่นคงเคหะการ
สำนักงานแห่งใหม่ บริษัท มั่นคงเคหะการ จำกัด (มหาชน) ตั้งอยู่ที่อาคาร 345 ถนนสุรวงศ์ สูง 8 ชั้น ชูแนวคิด Wellbeing ภายใต้คอนเซปต์ Workplace Wellbeing ตัวอาคารออกแบบดีไซน์โดยเน้นโทนสีธรรมชาติ ที่ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย สบายตา โดยภายในเริ่มจาก ชั้น G เป็นพื้นที่ Co-Wellnest ซึ่งพนักงานสามารถใช้พื้นที่ในการ Sharing ความรู้ต่างๆ นอกจากนี้ยังเปิดให้บุคคลภายนอกเข้ามาใช้บริการได้, ชั้น P1 – P2 ชั้นจอดรถ, ชั้น 5 ชั้นฟิตเนสให้พนักงานได้ออกกำลังกาย มีทั้งห้องโยคะและห้องกายภาพ, ชั้น 6, 7, 8 คือส่วนของสำนักงาน โดยที่ชั้น 8 จะมีในส่วนของห้องอาหาร (Canteen) สำหรับพนักงานด้วย และชั้นดาดฟ้า ที่จัดให้เป็น “Rooftop Organic Farm” ให้ผู้บริหารและพนักงานได้ร่วมกันปลูกผัก-ผลไม้ออร์แกนิค สำหรับไว้รับประทานอีกทั้งเพื่อให้พนักงาน ได้เรียนรู้ถึงความสำคัญของที่มาที่ไปของอาหาร
ด้าน นางสาวดุษฎี ตันเจริญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท มั่นคงเคหะการ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “จะเห็นได้ว่าการย้ายที่ทำการใหม่ของ มั่นคงฯ ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่จะก้าวสู่การเป็นองค์กร Wellbeing อย่างเต็มตัว เพราะนอกจากสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ที่บริษัทฯ ตั้งใจมอบให้แก่พนักงานทุกคนแล้ว ยังมีการปรับวัฒนธรรมองค์กร เน้นการปลูกฝังความเป็น Wellbeing ให้อยู่ใน DNA ของพนักงานผ่านกิจกรรมต่างๆ มากมาย อาทิ แปลงผักออร์แกนิคบริเวณชั้นดาดฟ้า โดยมีแนวคิดอยากให้พนักงานได้เรียนรู้และใส่ใจเรื่อง ที่มาของวัตถุดิบในการประกอบอาหาร, Co-Wellnest พื้นที่ที่พนักงานสามารถแลกเปลี่ยนสูตรในการทำอาหารต่างๆ, กิจกรรม Happy Fine Day เวทีที่ให้พนักงานได้มาแสดงความสามารถ ไม่ว่าจะเป็นเล่นดนตรี ร้องเพลง ทำอาหาร, กิจกรรมโครงการ Green Monday โดยจะมีผู้เชี่ยวชาญมาให้ความรู้เกี่ยวกับวัตถุดิบที่นำมาประกอบอาหารในแต่ละมื้อ ซึ่งบริษัทฯ เรานับเป็นองค์กรแรกของเมืองไทยที่เข้าร่วมโครงการนี้”
นางสาวดุษฎี กล่าวเพิ่มเติมว่า “อีกเรื่องที่บริษัทฯ ให้ความสำคัญ คือ การร่วมกันทำให้สิ่งแวดล้อมน่าอยู่ขึ้น เช่น การรณรงค์ลดใช้ Single use plastic, การแจกกระบอกน้ำแก่พนักงาน เพื่อลดการใช้พลาสติก รวมไปถึงการคัดแยกขยะก่อนทิ้ง เพื่อที่ขยะเหล่านั้นจะได้นำไปกำจัดหรือรีไซเคิลได้อย่างถูกวิธี ซึ่งได้มีการจัดเวิร์คช้อปโดยผู้เชี่ยวชาญจากสภาอุตสาหกรรม เพราะหากคนในองค์กรกว่า 300 คน ช่วยกันและสามารถนำกลับไปบอกต่อเพื่อนๆ หรือ คนที่บ้าน ก็จะยิ่งเป็นการกระจายความรู้ในการแยกขยะอย่างถูกวิธี การปรับรูปแบบการทำงานเป็น Flexible Time และ Work from Home การจัดห้องประชุมให้เป็นเก้าอี้และโต๊ะต่ำ – สูงในระดับที่ต่างกัน การมีลู่เดิน ลู่วิ่ง เพื่อให้พนักงานได้ปรับเปลี่ยนอิริยาบถ ไม่นั่งนานจนเกินไป นอกจากนี้ยังทำให้พนักงานสามารถคิดงาน แสดงไอเดียต่างๆ ได้มากขึ้นด้วย”
ส่วนผลประกอบการ 3 ไตรมาสแรกของปี 2562 บริษัทฯ สามารถสร้างรายได้รวมทั้งสิ้น 3,742 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จาก ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย มีรายได้อยู่ที่ 3,237 ล้านบาท และธุรกิจเพื่อเช่าและเพื่อการบริการ 242 ล้านบาท และมีกำไรอยู่ที่ 232.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 172.3 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปี 2561