คิวบ์ เรียลพร็อพเพอร์ตี้ เผยแผนเพิ่มทุนจดทะเบียน ดันบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์ ปี 63 หวังขยับขึ้นไปพัฒนาโครงการคอนโดแนวสูง พร้อมลุ้นหวังรัฐออกมาตรการกระตุ้นตลาดคอนโดด้วยการยกเว้นค่าธรรมเนียมการโอนและจดจำนอง ย้ำปัจจุบันยังเน้นพัฒนาคอนโดมิเนียมโลว์ไรท์ตามแนวรถไฟฟ้าขนาด 700-800 ล้านบาท โดยจะเปิดปีละ 4-5 โครงการ
นายวิชิต อำนวยรักษ์สกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คิวบ์ เรียล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด เปิดเผยว่าบริษัท มีแผนที่จะนำบริษัทเข้าทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในปีหน้า โดยปัจจุบันบริษัทมีทุนจดทะเบียน 165 ล้านบาท จะเพิ่มเป็น 225 ล้านบาทในต้นปี 2563 และจะเพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 300 ล้านบาท ก่อนที่จะเสนอขายหุ้นให้กับประชาชนทั่วไป(IPO)
การนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์จะช่วยให้บริษัทมีศักยภาพในการพัฒนาโครงการที่เป็นคอนโดมิเนียมแนวสูง อีกทั้งในอนาคตอาจมีการร่วมทุนกับผู้ประกอบการต่างชาติ ซึ่งขณะนี้มีทั้งนักลงทุนจากญี่ปุ่นและสิงคโปร์มาเจรจาขอร่วมทุน แต่ที่ยังไม่ตัดสินใจเพราะไม่อยากให้บริษัทเติบโตเร็วเกินไป โดยบริษัทวางแผนที่จะเปิดโครงการใหม่ปีละ 4-5 โครงการ ร่วมมูลค่าประมาณ 2,500 ล้านบาท เป็นคอนโดมิเนียมแนวรถไฟฟ้า 80-85 % อีก 15-20 % เป็นแนวราบ โดยแต่ละโครงการจะมีมูลค่าประมาณ 700-800 ล้านบาท
ในปี 2563 วางเป้ายอดขายไว้ที่ 1,800 ล้านบาท ซึ่งต่ำกว่าเป้ายอดขายในปีนี้ ซึ่งตั้งไว้ที่ 2,000 ล้านบาท เนื่องจากตลาดคอนโดมิเนียมยังอยู่ในช่วงขาลง โดยโครงการที่จะเปืดใหม่มี 4 โครงการ มูลค่าร่วม 2,000 ล้านบาท เป็นโครงการ โดยขณะนี้มีที่ดินไว้รองรับแล้ว 3 แปลงๆละ 2-3 ไร่ อยู่ในแนวรถไฟฟ้า และกำลังหาอีก 1 แปลง เพื่อพัฒนาเป็นโครงการแนวราบ
สำหรับปีนี้ บริษัทวางแผนการเปิดโครงการใหม่ไว้ 4 โครงการ รวมมูลค่า 2,500 ล้านบาท โดยเปิดไปแล้ว 2 โครงการ รวมูลค่า 1,100 ล้านบาท และกำลังเปิดอีก 2 โครงการ รวมมูลค่า 1,400 ล้านบาท คือ เดอะคิวบ์ ลอฟท์ ศรีนครินทร์-เทพารักษ์ มูลค่า 650 ล้านบาท บนพื้นที่ 2-1-99 ไร่ ในซอยศรีด่าน 18 เป็นคอนโดมิเนียมแบบโลว์ไรท์ สูง 8 ชั้น 2 อาคาร รวม 349 ยูนิต มีห้องให้เลือก 6 แบบ ขนาด 23.5-34.5 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้นที่ 1.29 ล้านบาท คาดจะแล้วเสร็จปี 2564 เปิดพรีเซล 26-27 ตุลาคมนี้
และโครงการ เดย์ส รามอินทรา-วัชรพล มูลค่า 800 ล้านบาท บนเนื้อที่ 9-1-8.3 ไร่ บนถนนสุขาภิบาล 5 เป็นโฮมออฟฟิศสูง 4 ชั้น จำนวน 76 ยูนิต มีให้เลือก 2 แบบ เนื้อที่ 24.75-26.4 ตารางวา พื้นที่ใช้สอย 282-308 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้นที่ 7.9 ล้านบาท คาดจะแล้วเสร็จปี 2565 โดยทั้ง 2 โครงการคาดว่าจะทำยอดขายได้ 150 ยูนิตในปีนี้ ซึ่งจะทำให้สามารถทำยอดขายได้ตามเป้าที่ตั้งไว้ และมีรายได้ 1,200 ล้านบาทตามคาด
นายวิชิต กล่าวต่อไปว่า จากการที่สมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร สมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย และสมาคมอาคารชุดไทย ร่วมกันเข้าพบ นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา เพื่อขอให้ออกมาตรการช่วยเหลือกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ ด้วยการช่วยยกเว้นการเก็บค่าธรรมเนียมการโอน และค่าจดจำนอง สำหรับบ้านราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท คาดว่าจะมีการนำเสนอเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี และประกาศใช้ได้ในเดือนพฤศจิกายนนี้ ซึ่งหากมีการประกาศใช้มาตรการนี้ออกมาจะช่วยให้จะช่วยกระตุ้นตลาดคอนโดมิเนียมให้ดีขึ้น เพราะผู้บริโภคจะเร่งการโอน ซึ่งจะช่วยประหยัดเงินไปได้ 7,000-8,000 บาทสำหรับบ้านราคา 1 ล้านบาท ในขณะที่ผู้ประกอบการก็จะเร่งก่อสร้างให้เสร็จทันมาตรการดังกล่