“พิพัฒน์” มั่นใจ อพท. เติมเต็มพัฒนาซับพลายป้อนอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทยเติบโตแบบยั่งยืน เผยปี 2562 พื้นที่ต้นแบบชุมชนมีรายได้เพิ่มร้อยละ 20.14 ใช้ท่องเที่ยวช่วยเกิดการกระจายรายได้ (Gini) เฉลี่ย 0.315 ด้วยหลักการทำงานผ่าน 2 องค์ความรู้หลักคือ GSTC และ CBT Thailand พัฒนาชุมชนทำท่องเที่ยวยั่งยืน
ในพิธีเปิดงานประชุมสัมมนา DASTA Forum 2019 “มองมิติใหม่เพื่อการท่องเที่ยวไทยที่ยั่งยืน” นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า ปัจจุบันอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวมีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจและสังคมของประเทศไทยเป็นอย่างมาก ซึ่งปัจจุบันก็ได้คาดการณ์กันไว้ว่าจะมียอดรายได้จากการท่องเที่ยวประมาณ 3.38 ล้านล้านบาท ดังนั้น อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวจึงเป็นกลยุทธ์ที่สำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ โดยเป้าหมายที่รัฐบาลกำหนดไว้ในยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ที่ต้องสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวให้มีสัดส่วน 22% ต่อ GDP ในปี 2565 และเพิ่มขึ้นเป็น 30% ต่อ GDP ในปี 2580 ซึ่งทุกวันนี้แม้รายได้จะมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น แต่ความยั่งยืนของแหล่งท่องเที่ยวถูกละเลย จนส่งผลให้สภาพการท่องเที่ยวปัจจุบันปัจจัยฝั่งด้าน Demand เติบโตขึ้นต่อเนื่อง แต่ปัจจัยทางด้าน Supply กลับไม่มั่นคง
นับตั้งแต่ที่ผมก้าวเข้ามารับตำแหน่ง นโยบายหลักๆ ที่ต้องการจะเน้นย้ำเพื่อให้การท่องเที่ยวดำเนินอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน คือ ความปลอดภัย (Safety) ความสะอาด (Green) ความเป็นธรรม (Fair) และกระจายรายได้สู่ชุมชน ลดความเหลื่อมล้ำ(Sustainability) โดยมุ่งหวังผลักดันการดำเนินการและขับเคลื่อนการท่องเที่ยว ผ่านหน่วยงานในสังกัดที่รับผิดชอบภารกิจแต่ละกระบวนการตั้งแต่ต้นน้ำอย่าง อพท. กลางน้ำอย่างกรมการท่องเที่ยว และปลายน้ำอย่าง ททท.
สำหรับหน่วยงานต้นน้ำอย่าง อพท. ก็มีหน้าที่ในการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวให้มีคุณภาพ สร้างต้นแบบ Model การพัฒนาการท่องเที่ยวที่ยั่งยืนและการท่องเที่ยวโดยชุมชน ที่จะต้องออกแบบและวางแผนการพัฒนาให้เป็นไปตามกรอบความยั่งยืนของทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม รวมทั้งประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อบูรณาการการทำงานให้เป็นไปตามแผนงานที่กำหนดไว้
ดังนั้นขอชื่นชมหน่วยงานอย่าง อพท. ที่ได้ทำงานตอบสนองและรับนโยบายของผมไปปฏิบัติที่ค่อนข้างเป็นรูปธรรมและได้ผลเป็นที่น่าพอใจ เช่น1. ด้านความปลอดภัย (Safety) ได้ดำเนินการพัฒนาระบบการดูแลรักษาความปลอดภัยในเขตพัฒนาการท่องเที่ยวมรดกโลกด้านวัฒนธรรม และการพัฒนาระบบการรักษาความปลอดภัยและให้บริการแก่นักท่องเที่ยวตามเกณฑ์การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนโลก
2.ด้านความสะอาด (Green) ได้ดำเนินโครงการส่งเสริมสถานประกอบการโรงแรมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งมีสถานประกอบการได้รับรางวัล Green Hotel จำนวน 23 แห่ง
3.ด้านความเป็นธรรม (Fair) ได้ดำเนินกิจกรรมการท่องเที่ยวเพื่อให้ทุกคนได้มีโอกาสเข้าถึงโดยเฉพาะผู้สูงอายุและผู้พิการ (Tourism for all) และการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ในการพัฒนามาตรฐานสินค้าและบริการให้มีคุณภาพ เป็นต้น
4.ด้านการกระจายรายได้สู่ชุมชน และลดความเหลื่อมล้ำ (Sustainability) ได้ดำเนินกิจกรรมการท่องเที่ยวที่สร้างรายได้ให้แก่ชุมชน ส่งผลให้ชุมชนมีรายได้เสริมเพิ่มขึ้น และดัชนีการกระจายรายได้ (Gini) เฉลี่ย 0.315 ซึ่งเป็นค่าที่ดีกว่าการกระจายรายได้ของทั้งประเทศ
ทุกวันนี้ภาคการท่องเที่ยวยังคงเป็นเครื่องยนต์หลักในการสร้างรายได้ให้ประเทศไทย และแม้ว่าช่วงเวลาที่ผ่านมาเศรษฐกิจโลกจะชะลอตัว แต่ประเทศไทยยังคงเป็นจุดหมายปลายทาง Destination ในลำดับต้นๆของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก วันนี้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และหน่วยงานด้านการท่องเที่ยว จึงพร้อมที่จะก้าวสู่การเป็น “กระทรวงเศรษฐกิจเต็มรูปแบบ” ด้วยเพราะจุดแข็งด้านทรัพยากรการท่องเที่ยวของประเทศไทยและด้วยการบริหารจัดการที่ดี และเชื่อมั่นว่าจากวันนี้ไปจะมีสิ่งดีๆ เกิดขึ้นอีกมากมาย ด้วยพลังความมุ่งมั่นทุ่มเท เพื่อสืบสานภารกิจทั้งด้านการท่องเที่ยวให้เกิดเป็น “ความสุข” และ “รอยยิ้ม”ของผู้คน เพื่อความก้าวหน้าอย่างยั่งยืน กระจายรายได้สู่ชุมชน และก้าวสู่การเป็นหนึ่งในการแข่งขันระดับโลก

nor
นายทวีพงษ์ วิชัยดิษฐ ผู้อำนวยการ อพท. กล่าวว่า จากนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวฯ อพท. สามารถนำเสนอผลการดำเนินงานในปีงบประมาณ 2562 ที่สอดคล้องกับนโยบายดังกล่าวต่อไปนี้
1.ด้านความปลอดภัย (Safety) ได้ดำเนินการพัฒนาระบบการดูแลรักษาความปลอดภัยในเขตพัฒนาการท่องเที่ยวมรดกโลกด้านวัฒนธรรม และการพัฒนาระบบการรักษาความปลอดภัยและให้บริการแก่นักท่องเที่ยวตามเกณฑ์การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนโลก
2.ด้านความสะอาด (Green) ได้ดำเนินโครงการส่งเสริมสถานประกอบการโรงแรมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งมีสถานประกอบการได้รับรางวัล Green Hotel จำนวน 23 แห่ง
3.ด้านความเป็นธรรม (Fair) ได้ดำเนินกิจกรรมการท่องเที่ยวเพื่อให้ทุกคนได้มีโอกาสเข้าถึงโดยเฉพาะผู้สูงอายุและผู้พิการ (Tourism for all) และการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ในการพัฒนามาตรฐานสินค้าและบริการให้มีคุณภาพ เป็นต้น
4.ด้านการกระจายรายได้สู่ชุมชน และลดความเหลื่อมล้ำ (Sustainability) ได้ดำเนินกิจกรรมการท่องเที่ยวที่สร้างรายได้ให้แก่ชุมชน ส่งผลให้ชุมชนมีรายได้เสริมเพิ่มขึ้น และดัชนีการกระจายรายได้ (Gini) เฉลี่ย 0.315 ซึ่งเป็นค่าที่ดีกว่าการกระจายรายได้ของทั้งประเทศ เป็นตัวเลขที่ยื่นยันว่าท่องเที่ยวสามารถเป็นกลไกสำคัญในการช่วยลดความเหลื่อมล้ำให้กับชุมชนได้จริง
ผู้อำนวยการ อพท. กล่าวอีกว่า เพื่อเป็นการยืนยันการดำเนินงานและความสำเร็จของ อพท. ในงาน DASTA Forum 2019 ยังได้มีการจัดนิทรรศการแสดงผลการดำเนินงานของ อพท. ที่น่าสนใจ อาทิเช่น การพัฒนาการท่องเที่ยวโดยชุมชน ซึ่งเราได้ใช้ “ใจ” มารวมเป็นพลังในการขับเคลื่อนแผนยุทธศาสตร์ CBT Thailand มีชุมชนต้นแบบในการพัฒนามากกว่า 40 ชุมชน การพัฒนาการท่องเที่ยวภายใต้เกณฑ์การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนโลก หรือ GSTC การพัฒนาความร่วมมือการท่องเที่ยวกับประเทศเพื่อนบ้านภายใต้โครงการ “สี่เหลี่ยมวัฒนธรรมล้านช้าง” และการส่งเสริมกิจกรรมที่ก่อให้เกิดรายได้ชุมชนในพื้นที่พิเศษ ซึ่งผลการจัดเก็บข้อมูลปี 2562 ชุมชนที่ อพท. เข้าไปพัฒนามีรายได้เสริมเพิ่มขึ้นร้อยละ 20.14 และผ่านเกณฑ์ระดับความอยู่ดีมีสุขที่ อพท. กำหนดร้อยละ 87.59
จากการนำเสนอข้อมูลในงานต่างๆ ที่กล่าวมาข้างต้นในวันนี้ ถือเป็นการเปิดมุมมองการพัฒนารอบด้านของ อพท. ตลอด 16 ปีที่ผ่านมา ทั้งเศรษฐกิจ สังคมวัฒนธรรม และสิ่งแวดล้อม พร้อมด้วยกระบวนการทำงานที่มีส่วนร่วมจากทุกฝ่าย อันจะนำไปสู่การพัฒนาการท่องเที่ยวของประเทศไทยให้เกิดความยั่งยืนและสร้างความสุขที่แท้จริงให้กับชุมชนในพื้นที่พิเศษและนักท่องเที่ยวในอนาคต ต่อไป