แอล.พี.เอ็น.เดินหน้าปรับตัวรับสถานการณ์อสังหาซบต่อเนื่อง เน้นเปิดโครงการแนวราบ หวั่นคอนโดฯพึ่งกำลังซื้อต่างชาติจะมีปัญหาเวลาโอน ตั้งเป้าขายปี 62 ไว้ที่ 16,500 ล้านบาท เป้ารายได้ 13,500 ล้านบาท เตรียมเปิดโครงการใหม่อีก 16 โครงการมูลค่า 20,000 ล้านบาท
นายโอภาส ศรีพยัคฆ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการบริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) (LPN) กล่าวว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์ปี 62 ก้าวสู่ภาวะถดถอย ดอกเบี้ยที่ต่ำมานานเริ่มขยับขึ้น แบงก์ชาติออกมาส่งสัญญาณเตือน ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ มีความเสี่ยง ที่ดินริมถนนราคาไม่ต่ำกว่า 100,000 บาทต่อตารางวา ซึ่งเมื่อนำมาพัฒนาต้องขายในราคาไม่ต่ำกว่า 60,000-70,000 บาทต่อตารางเมตร ในขณะที่คนทั่วไปไม่มีกำลังซื้อได้ ทำให้ต้องพึ่งกำลังซื้อของต่างชาติ ซึ่งกำลังเป็นที่จับตามองว่า จะมีการโอนได้หรือไม่ ในส่วนของ แอล.พี.เอ็น .ในปีนี้จะบุกตลาดโครงการแนวราบมากขึ้น
ปี 2562 แอล.พี.เอ็น.มีแผนเปิดโครงการใหม่มูลค่า 20,000 ล้านบาท แบ่งเป็นแนวราบ 10 โครงการมูลค่า 8,000 ล้านบาท คอนโดมิเนียม 5-6 โครงการมูลค่า 12,000 ล้านบาท ตั้งเป้ายอดขาย 16,500 ล้านบาท แบ่งเป็นยอดขายจากคอนโดมิเนียม 11,000 ล้านบาท โครงการแนวราบ 5,500 ล้านบาท ขณะที่เป้ารายได้ตั้งไว้ที่ 13,500 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากการขายคอนโดมิเนียม 9,000 ล้านบาท โครงการแนวราบ 3,000 ล้านบาท และรายได้จากค่าเช่าและบริการ 1,500 ล้านบาท มีการเติบโตที่ 20 %
สำหรับทิศทางการดำเนินงานของธุรกิจในเครือ L.P.N. DEVELOPMENT GROUP นายโอภาส กล่าวต่อไปว่า LPN Wisdom เป็นหน่วยงานที่ทำหน้าที่วิจัยเพื่อให้ได้มาซึ่งข้อมูลเชิงลึกในการพัฒนาโครงการและการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการอย่างต่อเนื่อง บริษัทยังมีสภาพคล่องอยู่ในระดับสูง เนื่องจากสินค้าพร้อมอยู่ทั้งหมดของ LPN มูลค่ากว่า 7,000 ล้านบาท เป็นสินค้าที่ไม่มีภาระทางด้านการเงิน นอกจากนั้น บริษัทได้รับการจัดอันดับจาก TRIS Rating ในระดับ A- (Stable) ที่แสดงถึงความมั่นคงและน่าเชื่อถือทางการเงินซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการระดมทุนหากบริษัทมีการออกหุ้นกู้ในอนาคต
ส่วน LPN Project Management จะเน้นการพัฒนาและปรับปรุงประสิทธิภาพในการดำเนินงานเพื่อให้ต้นทุนการพัฒนาโครงการของ LPN ต่ำลง ในขณะที่ LPP Property Management ถือเป็นฟันเฟืองหลักในธุรกิจบริการ โดยมีเป้าหมายการเติบโตอยู่ที่ 20% ซึ่งเป็นการเติบโตแบบก้าวกระโดดจาก 15% ในปีที่ผ่านมา โดยรายได้หลักของธุรกิจจะมาจาก 3 ขา คือ การบริหารชุมชนทั้งภายในและภายนอกโครงการของ LPN งานบริการด้านวิศวกรรม และธุรกิจนายหน้าหาผู้ซื้อและผู้เช่าห้องชุด นอกจากนั้น LPP ยังมีฐานลูกค้าอีกกว่า 150,000 รายที่สามารถนำไปต่อยอดเพื่อสร้างรายได้จากการบริการในอนาคต
LPC Service & Care ดำเนินธุรกิจบริการด้านต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการอยู่อาศัยในโครงการ เช่น งานบริการความสะอาด งานบริการต้อนรับ เป็นต้น บริหารงานโดยบริษัท LPC Social Enterprise วิสาหกิจเพื่อสังคม 1 ใน 15 แรกในไทย ซึ่งเปรียบเสมือนตัวแทนด้านความเป็น “คนดี” ของ LPN ที่ต้องการแสดงความใส่ใจ ห่วงใย แบ่งปันต่อสตรีด้อยโอกาสที่ยังมีอยู่มากในประเทศ เพื่อสร้างรายได้ สร้างโอกาส สร้างศักดิ์ศรี และสร้างความสุขให้กับบุคคลเหล่านี้ และเป็น 1 ในการแสดงความรับผิดชอบต่อสังคม ช่วยลดปัญหาของสังคมอย่างยั่งยืน
นอกจากภาพรวมแนวทางของการดำเนินธุรกิจข้างต้นแล้ว ในปีนี้ บริษัทยังมีแนวทางในการจัดการ Zero Waste ในกระบวนการดำเนินธุรกิจขององค์กร ทั้ง Supply Chain เบื้องต้นนำร่องด้วยการเริ่มลดใช้ขวดและพลาสติกในสำนักงานขาย ซึ่งตั้งเป้าลดให้ได้มากกว่าปีละ 500,000 ชิ้น และจะดำเนินการต่อยอดไปในโครงการ “ลุมพินี” ที่บริษัทบริหารชุมชนอยู่ รวมถึงกิจกรรมบริจาคโลหิตที่ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องกว่า 30 ปี โดยในปี 62 นี้ ตั้งเป้าหมายรับบริจาคให้ได้ 1,300,000 C.C.