เมื่อสัปดาห์ที่แล้วมีโอกาสได้ไปที่ชุมชนตะเคียนเตี้ย ตั้งอยู่ในอำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี เป็นชุมชนที่ได้รับการสนับสนุนจาก องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน(องค์การมหาชน)หรือ อพท. ที่เข้ามาช่วยพัฒนาและส่งเสริมความรู้และพัฒนาศักยภาพของคนในชุมขนในการทำเรื่องการท่องเที่ยวโดยชุมชนเมื่อปี 2555
ก่อนหน้านี้ที่นี่เป็นแค่ศูนย์การเรียนรู้บ้านร้อยเสา โดยเริ่มตั้งเป็นศูนย์การเรียนรู้เมื่อปี 2548 เปิดให้เด็กและชุมชนเข้ามาศึกษาเรียนรู้วิถีชุมชนในเรื่องของความเป็นอยู่ อาการการกิน ศิลปะพื้นบ้าน
ต้องยอมรับว่า ครั้งแรกที่สมาคมธุรกิจท่องเที่ยวภายในประเทศ(สทน.)ชวนให้มาเที่ยวชุมชนนี้ ไม่ค่อยจะสนใจสักเท่าไหร่ คิดว่าจะมีอะไรให้ดู แต่เมื่อมาถึงกับรู้สึกประหลาดใจว่ามีชุมชนแบบนี้อยู่ในพัทยาด้วยหรือ
ด้วยสภาพป่า กับทิวมะพร้าวภายในชุมชนที่ไม่ค่อยมีโอกาสได้เห็นบ่อยนัก ดึงดูความสนใจในทันที บวกกับสภาพบ้านเรือนและวิถีชีวิตที่ยังคงเป็นแบบดั้งเดิมและเรียบง่ายกลายเป็นเสน่ห์อย่างประหลาด
ที่มีมีอะไรน่าสนใจมากมาย เริ่มจากบ้านร้อยเสา ที่มีชื่อว่าบ้านทรัพย์กับบ้านสิน เป็นที่ทำการชมรมส่งเสริมการท่องเที่ยวโดยชุมชนตำบลตะเคียนเตี้ย เป็นบ้านแฝดขนาดใหญ่ที่เปิดฝาทะลุถึงกันหมด มีเสาถึง 102 ต้น ตั้งอยู่บนพื้นที่ 6 ไร่ บ้านหลังนี้มีอายุ 86 ปีแล้ว
เสน่ห์ของชุมชนตะเคียนเตี้ยคือ การอนุรักษ์วัฒนธรรมแบบดั้งเดิม มีวิถีชีวิตที่เรียบงาน สภาพของต้นไม้ที่มีการปลูกไว้อย่างหนาแน่นจนกลายเป็นสภาพป่า การรักษา มีต้นยางใหญ่ขนาด 5 คนโอบ อายุกว่า 300 ปี ก่อนที่จะมีชุมชนมาย้ายถิ่นฐานเข้ามาอยู่ ที่ยังคงยืนตระหง่านดึงดูดสายตาของผู้คนที่ผ่านไปมา
คุณวันดี ประกอบธรรม ประธานชมรมส่งเสริมการนำเที่ยวโดยชุมชนตำบลตะเคียนเตี้ย เล่าให้ฟังว่า 6ปีที่ผ่านมา ได้มีการพัฒนาจนมีนักท่องเที่ยวเข้ามาเยี่ยมชมเพิ่มมากขึ้น จากที่เคยเข้ามาปีละประมาณ 200 คน เป็น 800 คน 1,200 คน 2,500 คน และล่าสุดปี 61 มีเข้ามาถึง 6,000 คน
เสน่ห์ที่ทำให้ผู้คนเข้ามาเยือนชุมชนแห่งนี้มากขึ้นเรื่อยๆคือ กิจกรรมที่มีทั้งการลองให้ตัดพวงมโหตรที่ใช้แขวนในเทศกาล งานบุญต่างๆในชนบท การพับดอกกุหลาบจากใบเตย การทำชองเล่นจากทางมะพร้าว การทำกัวซา ศาสตร์การรักษาตำรับจีน เพื่อช่วยขับพิษในร่างกาย ซึ่งปัจจุบันเป็นที่รู้จักกันดีในหมู่คนที่รักษ์สุขภาพ
ด้วยความที่ชุมชนแห่งนี้มีการปลูกมะพร้าวอยู่มากมาย การนำมะพร้าวไปทำน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง เราไปดูกรรมวิธีการทำกันที่บ้าน คุณสาโรช กะแหวว วิสาหกิจชุมชน คนรักษ์มะพร้าว ตะเคียนเตี้ย ที่คุณสาโรช ใช้ ด้ความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์ที่เคยร่ำเรียนมา บวกกับภูมิปัญหาแบบพื้นบ้านบ้าน ซึ่งนอกจากจะรู้วิธีการสกัดเย็นน้ำมันมะพร้าวแล้ว ยังได้รู้วิธีการกำจัดหนอนหัวดำที่ระบาดกัดกินมะพร้าวของชาวสวนเสียหายไปมากมาย โดยไม่ต้องใช้สารเคมีฉีดไล่หรือฉีดฆ่า แต่ใช้แตนเบียนกำจัด ด้วยการนำตัวเต็มวัยของแตนเบียนหนอน B.hebetor ไปปล่อยในแปลงปลูกมะพร้าว เพื่อควบคุมปริมาณหนอนหัวดำ โดยแตนเบียนจะวางไข่บนตัวหนอนหัวดำ หลังจากหนอนแตนเบียนเจริญเติบโต และกลายเป็นดักแด้ภายในตัวหนอนหัวดำ จนกระทั่งฟักเป็นตัวเต็มวัยพร้อมผสมพันธ์และวางไขต่อไป ซึ่งการทำวิธีนี้ช่วยลดจำนวนหนอนหัวดำลงไปได้ถึง 50-60 % และมีจำนวนแตนเบียนเพิ่มขึ้น 25 %
ที่บ้านสวนป่าสาโรจกะแหวว นี้มีจักรยานไว้ให้นักท่องเที่ยวขี่ชมแหล่งท่องเที่ยวในหมู่บ้าน เช่น บ้านสวนมะพร้าวป้าชื่น บ้านหลังนี้ป้าชื่นอยู่มา 60 ปีไม่เคยเปลี่ยนแปลง เป็นแบบบ้านดั้งเดิมที่มีประตูที่ไม่มีบันได เรียก”ประตูโจร” เอาไว้ใช้ยามหากเกิดมีโจรเข้ามาปล้นบ้าน จะได้เปิดประตูบ้านกระโดดหนีโจรจงจากบ้านได้ทันก่อนที่จะถูกโจรจับหรือฆ่าตาย
จากนั้นก็แวะไปดูการปอกมะพร้าว การกะเทาะมะพร้าว เพื่อนำเนื้อไปขาย ในขณะที่กะลาก็มีคนมารับซื้อ เพื่อนำไปเผาเป็นถ่านสำหรับใช้กับเครื่องกรองน้ำ หรืออื่นๆ ส่วนเปลือกมะพร้าวก็นำไปสัปๆ ไว้ ขายเป็นวัสดุสำหรับผสมดินปลูกต้นไม้ เรียกว่าทุกส่วนของมะพร้าวใช้ทำประโยชน์ได้หมด ก้านก็นำไปทำไม้กวาด ต้นแก่ๆก็นำไปทำกระดาน หรือโต๊ะนั่งได้
ที่นี่หลายคนได้ลิ้มลองจาวมะพร้าว รสละมุลลิ้น ที่หลายคนไม่เคยกินมาก่อน บางคนกินแล้วหวนคิดถึงอดีตเมื่อครั้งยังเยาว์ยามได้กินจาวมะพร้าวดั่งได้กินผลไม้ชั้นดี
ตบท้ายด้วยการแวะกินน้ำมะพร้าวอ่อนหวานเย็นชื่นใจกันที่สวนฟ้าไส ไอโกะ แล้วจึงไปทานอาหารพื้นบ้านของที่นี่รสชาติจัดจ้านถูกใจ โดยเฉพาะไก่ผัดกะลามะพร้าว ที่ทางชุมชนจัดไว้ให้พวกเราปรุงกินกันเอง
เสร็จแล้วไปต่อกันที่ ลานวัฒนธรรม หมู่ที่ 3 ต.ตะเคียนเตี้ย ที่นี่เป็นศูนย์เศรษฐกิจพอเพียงและเกษตรทฤษฏีใหม่ ของตำบลตะเคียนเตี้ยด้วย เราไปกินกาแฟปรุงพิเศษที่ไม่เหมือนใครและไม่มีใครเหมือน มีอยู่ ที่นี่ที่เดียว เป็นการนำกระทิสดมาใส่ในกาแฟแทนนมสด รสชาติหวานมันอร่อยถูกใจ ไปพร้อมๆกับการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับผู้นำชุมชน ถึงความพร้อมในการต้อนรับนักท่องเที่ยวของชาวชุมชน ซึ่งในเบื้องต้นสิ่งที่ชาวชุมชนต้องการคือ การนัดหมายล่วงหน้าของนักท่องเที่ยวที่จะเข้าไปเที่ยว และอยากให้เข้าไปกันเป็นกลุ่มๆพร้อมๆกัน ไม่ใช่ทีละคนสองคน เพราะชาวชุมชนตะเคียนเตี้ยต่างมีอาชีพหลักอยู่แล้ว การท่องเที่ยวเป็นเพียงอาชีพเสริม เจ้าหน้าที่ ที่จะมาคอยบริการต้อนรับดูแลนักท่องเที่ยวจึงไม่มาก อีกทั้งบางคนต้องทำกิจวัฒรประจำวันซึ่งเป็นอาชีพหลัก ถ้าจะให้มานั่งเฝ้ารอนักท่องเที่ยวแบบไม่รู้จะมาหรือไม่ ก็ไม่ใช่สิ่งที่ชาวชุมชนตะเคียนเตี้ยต้องการ หากนักท่องเที่ยวท่านใดสนใจเข้าไปเที่ยวชมสามารถติดต่อนัดหมายได้ที่ คุณวันดี ประกอบธรรม 098-4121712