ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ ไม่หวั่นเลื่อนเลือกตั้ง มั่นใจไม่มีผลกระทบ ประกาศแผนปี 62 เปิดใหม่ 8-10 โครงการ มูลค่า 4,000-4,500 ล้านบาท ตั้งเป้าขาย 5,300 ล้านบาท รับรู้รายได้ 4,650 ล้านบาท โต 15 %
นายไชยยันต์ ชาครกุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด(มหาชน) หรือ LALIN กล่าว่า โดยภาพรวมของเศรษฐกิจปี 2562 จะเติบโตตามภาวะของเศรษฐกิจโลก ที่กองทุุนการเงินระหว่างประเทศหรือ IMF คาดว่าจะโตได้ 3.7 % เนื่องจากไทยเราพึ่งพิ่งรายได้จากการส่งออกถึง 65-68 % โดยคู่ค้าที่สำคัญคือ สหรัฐอเมริกาคาดว่าเศรษฐกิจจะโตได้ 2.5 % ญี่ปุ่นโต 0.9 % ยุโรปโต1.9 % จีนโต 6.2 %
ปัจจัยที่หลักที่จะช่วยดันให้เศรษฐกิจไทยโตคือ การส่งออก การท่องเที่ยว การใช้จ่ายภาครัฐ การลงทุนภาคเอกชน่ การบริโภคของภาคประฃาชน โดยปีนี้คาดว่าการส่งออกของไทยจะขยายตัวได้ 4-5 % ส่วนการท่องเที่ยวของไทยขณะนี้ทำรายได้ถึง 57,000 ล้านเหรียญสหรัฐ สูงเป็นอันดับสี่ของโลก แม้นักท่องเที่ยวจีนจะลดลง แต่ก็ได้นักท่องเที่ยวจากยุโรป อเมริกา อินเดีย มาช่วยเติมเต็ม ในขณะที่ปีนี้การลงทุนภาครัฐมีการเติบโตให้เห็นอย่างชัดเจน หากไม่มีปัญหาด้านการเมือง และมีการสานตอนโยบายที่ดี เศรษฐกิจน่าจะโตได้ 4-4.3 %
สำหรับการเลื่อนการเลือกตั้งออกไปอีก 1 เดือน ไม่มีผลกระทบอะไร เพราะการเลื่อนมีความชัดเจน ทำให้บริษัทมีความมั่นใจในการที่จะเปิดโครงการใหม่ในปีนี้อีก 8-10 โครงการ มูลค่า 4,000-4,500 ล้านบาท ตั้งเป้ายอดขาย 5,300 ล้านบาท ยอดรับรู้รายได้ 4,650 ล้านบาท โตขึ้นราว 15 %
สิ่งที่ผู้ประกอบการควรปรับตัวในปีนี้คือ 1 เร่งลดสต็อกสินค้าที่มีอยู่ภายในไตรมาสแรก เพราะถ้าหลังจากนั้นรัฐบาลอาจออกมาตรการอะไรมากระตุ้นที่ทำให้ผู้บริโภคหยุดชะงัก รวมถึงแบงก์อาจมีการออกมาตรการเข้มงวดด้านสินเชื่อ 2.สำหรับผู้ประกอบการรายใหม่ หรือรายเล็ก จะต้องทำการวิจัยตลาดให้รู้ว่ายังมีช่องว่างที่จะสามารถแข่งขันได้ 3.ควบคุมหนี้สินต่อทุนอย่าให้สูงเกินไป 4.ต้องระมัดระวังในการขยายธุรกิจและหันมาปรับปรุงองค์กรของตัวเอง
ตลาดอสังหาริมทรัพย์ปีที่ผ่านมาโต 6-7 % ปีนี้คาดว่าจะโตได้ 3-4 % โดยตลาดคอนโดมิเนียมมีการเติบโตมากไปในบางพื้นที่ โดยเฉพาะการที่นักลงทุนจากประเทศจีนเข้ามาพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมเป็นจำนวนมาก อาจทำให้เกิดโอเวอร์ซัพพลาย
ด้านนายนายชูรัชฏ์ ชาครกุล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า โครงการที่จะเปิดใหม่ 80-90 % อยู่ในเขตกรุงเทพ-ปริมณฑล ส่วนต่างจังหวัดจะเป็นหัวเมืองหลักและรองทางการท่องเที่ยว และจังหวัดที่เป็นเขตอุตสาหกรรม โดยยังคงยึดพื้นที่เดิมที่เคยพัฒนามาแล้ว และเน้นไปที่โครงการแนวราบ ส่วนงบในการจัดซื้อที่ดินตั้งไว้ 1,000 ล้านบาท