ได้รับคำเชื้อเชิญให้ร่วมเดินทางไปดูเส้นทางกำเนิดพลอยและเครื่องประดับจังหวัดจันทบุรี ก็รีบตอบรับทันที ก็ของสวยๆงามๆใครๆก็อยากดู อยากชมด้วยกันทั้งนั้น
จันทบรีในอดีตเคยเป็นแหล่งพลอยที่มีชื่อเสียงของไทย โดยเฉพาะทับทิมสยาม ที่มีสีแดงดั่งเลือดนก น้ำใสแวววาว ซึ่งปัจจุบันหาได้ยากยิ่ง ส่วนใหญ่ที่หลงเหลือจะเป็นสีชมพูคล้ำ
แม้พลอยเนื้อแข็งน้ำดี สีสวย ทั้งทับทิม ไพริน จะแทบไม่หลงเหลือให้เห็นอยู่แล้ว แต่จันทบุรีก็ยังเป็นแหล่งค้าขายพลอยที่สำคัญของประเทศ และของโลก ด้วยภูมิปัญญาที่สะสมกันมายาวนาน ทำให้ชาวจันทบุรี มีความเชี่ยวชาญในเรื่องของเผาพลอย จากพลอยดิบที่ขุดขึ้นมาได้ อาจมีสีสันไม่สวย มีความขุ่นมัว เมื่อการการเผาด้วยความร้อน ทำให้พลอยเม็ดดังกล่าวกลับมีสีสันที่สดใสมากขึ้น ซึ่งนั่นหมายถึงราคาที่ขายก็จะเพิ่มสูงด้วยเช่นกัน
พลอยแต่ละชนิด และแต่ละเม็ดมีกรรมวิธีการเผา เพื่อให้ได้สีสันที่เข้มขึ้นไม่เหมือนกัน ทั้งในเรื่องของอุณหภูมิและระยะเวลาในการเผา บางเม็ดแค่อบก็เพียงพอแล้ว
นอกจากกรรมวิธีการเผาแล้ว ชาวจันทบุรียังมีความเชี่ยวชาญในเรื่องของการเจียรนัย การขึ้นรูป เพื่อให้ได้อัญมณีที่สวยงาม เลอค่า น่าซื้อหาไว้เป็นเครื่องประดับ ทำให้จันทบรียังคงฐานะของความเป็นแหล่งซื้อขายพลอยที่สำคัญ มีพ่อค้าพลอย จาก กัมพูชา พม่า อินเดีย ปากีสถาน รวมทั้งจากอาฟริกา และที่อื่นๆ บ้างก็หิ้วกระเป๋าขนเอาพลอยมาขาย บ้างก็เข้ามาเพื่อซื้อกันที่นี่ โดยพลอยที่นำเข้ามาจากอาฟริกา ส่วนใหญ่จะเป็นพลอยเนื้ออ่อน สีสันสดใส
จุดแรกที่ได้เข้าไปเยี่ยมชมคือ แหล่งเรียนรู้อัญมณีและธรณีวิทยา ณ ศูนย์สาธิตและแหล่องเรียนรู้พลอยจันทบุรี ที่หมู่ 4 ตำบลพลอยแหวน อำเภอท่าใหม่ จังหวัดจันทบุรี ของลุงสำราญ รัตนเกียรติ
ลุงสำราญ เล่าว่า ยึดอาชีพขุดพลอยตั้งแต่เด็ก แต่เดิมก็ใช้วิธีขุดดินลงไปแล้วขนขึ้นมาใส่ตะแกรงร่อน ซึ่งวิธีดังกล่าวจะได้ก้อนพลอยไม่มาก ต่างกับปัจจุบันที่รถแบ็คโฮ ขุดดินขึ้นมาแล้วใช้น้ำฉีดไล่ลงในรางซึ่งเป็นอุปกรณ์คัดแยก ที่เรียกกันว่า “แย็ก” แล้วจึงใช้มือเขี่ยค้นหาพลอยจากเศษก้อนหิน โดยพลอยที่พบส่วนใหญ่เป็น บุษราคัม เขียวส่อง พลอยสตาร์ บางเม็ดก็มีความกล้ำกึ่ง เพราะมีทั้งสีเขียว เหลือง อยู่ในเม็ดเดียวกัน และสามารถจะเผาให้เป็นบุษราคัม หรือเขียวส่อง ก็ได้ ขึ้นอยู่กับว่าช่วงเวลานั้นๆว่า บุษราคัม หรือเขียวส่องราคาดีกว่ากัน
ที่นี่เปิดให้เข้าชม ตั้งแต่ปี 2555 เก็บค่าบริการคนละ 100 บาท มีผู้เข้าชมแล้วกว่า 1 พันคน
เราใช้เวลาในการเรียนรู้เรื่องการขุดพลอยไปไม่น้อย ได้เวลาทานอาหารกลางวันกัน แล้ว มื้อนี้เราทานกันที่ร้านอาหารปูจ๋า ที่ต.ท่าแฉลบ ชื่อร้านปูจ๋า และไม่ยักกะเห็นตัวปู
อิ่มแล้วก็ไปกันที่ศูนย์การเรียนรู้ชุมชนพ่อพลอยเหล็กเพชร ตำบลสี่พยา อำเภอท่าใหม่ จังหวัดจันทบุรี ของคุณ สราวุธ พึ่งตระกูล เป็นอีกที่หนึ่งที่ให้ความรู้เรื่องการขุดพลอย แบบโบราณ ที่ทำสืบทอดกันมานาน บริเวณโดยรอบของบ้านคุณสราวุธ มีสายแร่พาดผ่าน เพียงแต่ขุดดินลงไปลึก 1เมตรถึง 10 เมตร ควักดินใส่กระป๋องหรือบุ้งกี้ขึ้นมา แล้วนำไปร่อนในน้ำ หรือเทในตระแกรงแล้วใช้น้ำฉีดให้โคลนละลายออกไปเหลือแต่ก้อนหิน ใช้มือเขี่ยๆดูก็รู้แล้วว่ามีพลอยติดมาด้วยหรือไม่ ดูเป็นเรื่องง่ายๆสำหรับนักหาพลอยมืออาชีพ แต่ถ้าไม่มีคงงมโข่งกันนานกว่จะรู้ว่าเม็ดไหนพลอย เม็ดไหนเป็นแค่เศษหิน แล้วดินที่ต้องขุดแค่ไม่เกิน 10 เมตรเพราะ ถ้าลึกกว่านั้นก็ไม่มีพลอยอยู่แล้ว
นอกจากจะดูแล้ว เขายังเปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวทดลองลงไปขุดด้วยตนเองด้วย และหากท่านใดสามารถขุดเจอพลอยก้อนไม่ใหญ่โต และมีราคาไม่แพงก็สามารถนำกลับไปได้ แต่ถ้าพลอยที่เจอเป็นพลอยที่มีราคาสูง ทางคุณสราวุธก็จะนำพลอยที่ผ่านการเจียรนัยแล้ว ในราคาที่เหมาะสมมาแลกเปลี่ยน และถ้าใครถูกใจพลอยหรือแหวนวงไหนก็เลือกซื้อติดมือกับไปบ้าน ไปใส่หรือไปฝากได้ในราคาที่ต่อรองกันได้
การขุดพลอยแบบขุดด้วยมือ แม้จะไม่ได้พลอยทีละมากๆ แต่ก็มีพลอยให้ขุดได้เรื่อยๆ เหมือนน้ำซึมบ่อทราย ไม่เหมือนการใช้รถขุดดินขึ้นมากองทีละเยอะๆ แล้วใช้น้ำฉีดกองดินให้ละลายเหลือแต่ก้อนหินและพลอย วิธีนี้หาพลอยได้เยอะ และเร็ว แต่เมื่อขุดหมดพื้นที่แล้วก็หมดกันเลย จะไม่เหลือพลอยให้ขุดค้นได้อีก
ที่นี่นอกจากจะเป็นศูนย์การเรียนรู้เรื่องพลอยแล้ว ยังมีสวนผลไม้ให้เที่ยวชม มีกาแฟให้เลือกชิม โดยเสียค่าเข้าชมเพียงคนละ 100 บาท ตั้งแต่เวลา 10.30-16.30 น.
เห็นวิธีการขุด เห็นพลอยดิบกันแล้ว เห็นแหวน เห็นอัญมณีอีกนิดๆหน่อย ยั่วใจนักช้อปที่ชอบของสวยๆงามๆเป็นที่ยิ่ง ได้เวลาไปดูแหล่งขายเครื่องประดับและอัญมณีกันแล้ว
เค.พี.จิวเวอร์รี่ เซ็นเตอร์ เป็นศูนย์การจำหน่ายเครืองประดับและอัญมณีแห่งแรกของจังหวัดจันทบุรี ตั้งอยู่ถนนตรีรัตน์ ตำบล จันทนิมิต เปิดให้ชมตั้งแต่ 8.00 น.-19.00 น. เราจบภารกิจของวันนี้กันที่นี่ หลังจากนั้นเดินทางเข้าพักที่โรงแรม นิว แทรเวิลลอด์จ ที่ถนนรักศักดิ์ชมมูล ตำบล ท่าช้าง อ.เมือง จ.จันทบุรี
รุ่งขึ้นหลังทานอาหารเสร็จ เดินทางไปเยี่ยมชมศูนย์ส่งเสริมอัญมณีและเครื่องประดับ ตั้งอยู่ที่ถนนมหาราช ต.ตลาด อ.เมือง จ.จันทบุรี เปิดให้เข้าชมทุกวันตั้งแต่ 9.00-17.00 น. ที่นี่เป็นที่รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับอัญมณีและเครื่องประดับ เสมือนเป็นพิพิธภัณฑ์อัญมณี ที่เล่าเรื่องราวตั้งแต่แหล่งกำเนิด ขั้นตอนการผลิต การเผา การเจียรระไน การนำพลอยมาแปรรูป การออกแบบเป็นเครื่องประดับ ตลอดจนวิธีการพัฒนาคุณภาพของผลิตภัณฑ์ให้ได้มาตรฐาน โดยมีการจัดแสดง สาธิตการผลิต และเจียระไนพลอย พร้อมนำเสนอเรื่องราวผ่านวีดีทัศน์แบบ 3 D และจบลงด้วยการเลือกช้อปเครื่องประดับกันภายในศูนย์ ที่มีให้ชมหลากหลายร้านค้า ที่สำคัญถนนราคาต่อรองกันได้ในราคาที่รู้สึกว่าเป็นธรรมดี
จากนั้นจึงออกไปเดินดูตลาดพลอยจันทบุรี ที่ถนนศรีจันท์ ได้มีโอกาสเห็นพ่อค้าพลอยจากอินเดีย ศรีลังกา หิ้วกระเป๋าเดินทางเอาพลอยเข้ามาขายให้พ่อค้าและคนเดินพลอยได้เลือกซื้อ ในขณะเดียวกันใครที่มีพลอยแล้วอยากเอาไปทำแหวน โดยไม่ต้องเสียเวลารอคอยในการสั่งทำนาน ก็มีร้านที่ขายตัวเรือนในรูปทรงต่างๆ ที่สามารถนำพลอยไปให้ทางร้านฝังเข้าไปในตัวเรือนได้เลย

bst
ถนนสายนี้มีร้านจำหน่ายเครื่องประดับอยู่มากมายหลายร้าน แต่ละร้านก็จะมีจุดเด่น และมีความแตกต่างเป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง แถมถนนราคาก็ดูสมเหตุสมผลกับคุณภาพ และยังต่อรองได้ เพื่อนร่วมทางหลายคนที่ซื้อจากที่อื่นมาก่อนถึงกับออกอาการเสียดาย ตลาดนี้เปิดตั้งแต่ 6.30-18.00 น.
ตบท้ายก่นอเดินทางกลับกรุงเทพฯด้วยอาหารกลางวันที่ร้านบ้านน้ำพริกข้าวสวยจันทบุรี ที่ใครเห็นการตกแต่งอาหารเป็นต้องร้องว๊าว แถมยังอร่อยอีกต่างหาก
#ขอบคุณสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวภายในประเทศ # สำนักงานพาณิชย์จังหวัดจันทบุรี ที่เอื้อเฟื้อการเดินทาง