‘ฮาบิแทท กรุ๊ป’ เน้นพัฒนาโครงการไม่เกิน 200 ยูนิต เ ลุยเปิดคอนโดมิเนียมโลว์ไรส์ลักชัวรี่ ‘วาลเด้น สุขุมวิท 39’ มูลค่า 950 ล้านบาท เจาะกลุ่มนักลงทุน เผยตลาดเช่าย่านสุขุมวิทแพงสุด 1,000 บาทต่อ ตร.ม.ต่อเดือน ตั้งเป้ายอดขายสิ้นปี 80 %
นายชนินทร์ วานิชวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฮาบิแทท กรุ๊ป จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทเน้นพัฒนาโครงการขนาด 100-200 ยูนิต เป็นหลัก โดยล่าสุดได้เปิดโครงการใหม่ภายใต้ แบรนด์ “วาลเด้น สุขุมวิท 39” เป็นคอนโดมิเนียมลักชัวรี่ สนองความต้องการของลูกค้าคนไทยและต่างชาติที่ต้องการที่อยู่อาศัยจริง รวมถึงกลุ่มนักลงทุน อีกทั้งเป็นการต่อยอดความสำเร็จของแบรนด์ ‘วาลเด้น’ (Walden) โครงการแรกบนทำเลอโศก ซึ่งเปิดตัวไปเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีและมียอดขายไปแล้ว 90%
โครงการ “วาลเด้น สุขุมวิท 39” มีมูลค่าโครงการ 950 ล้านบาท เป็นโครงการคอนโดมิเนียมลักชัวรี่ โลว์ไรส์ เพื่อการอยู่อาศัยและการลงทุน จำนวน 1 อาคาร สูง 8 ชั้น มีทั้งหมด 116 ยูนิต บนเนื้อที่ 0-3-22 ไร่ อยู่ในซอยสุขุมวิท 39 ประกอบด้วยห้องชุดแบบ 1 ห้องนอน พื้นที่ใช้สอยตั้งแต่ 34.56 – 45.77 ตารางเมตร จำนวน 95 ยูนิต, แบบ 2 ห้องนอน พื้นที่ใช้สอยตั้งแต่ 53.25 – 59.44 ตารางเมตร จำนวน 14 ยูนิต และแบบลอฟท์ การ์เด้นท์ 2 ห้องนอน 2 ชั้น พื้นที่ใช้สอยตั้งแต่ 60.53 ตารางเมตร จำนวน 7 ยูนิต คาดว่าจะเริ่มการก่อสร้างในช่วงไตรมาส 3 ปี 2562 และก่อสร้างแล้วเสร็จพร้อมเข้าอยู่ประมาณไตรมาส 2 ปี 2564 ราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 5.9 ล้านบาท
โดยเน้นกลุ่มซื้อเพื่อการลงทุน 70% และกลุ่มซื้อเพื่ออยู่อาศัยเอง 30% เพราะในแง่ผลตอบแทนด้านการลงทุนคอนโดมิเนียม ย่านสุขุมวิท เป็นทำเลที่ทำกำไรได้ดีจากการปล่อยเช่า โดยหากคำนวณจากอัตราค่าเช่าปัจจุบันที่ 1,000 บาทต่อตารางเมตรต่อเดือน คาดว่า “วาลเด้น สุขุมวิท 39” จะมีอัตราค่าเช่าอยู่ที่ 30,000 – 60,000 บาทต่อเดือน โดยอัตราผลตอบแทนเฉลี่ยจากการให้เช่าจะค่อนข้างสูงเฉลี่ยอยู่ที่ 5% ต่อปี ซึ่งหากเปรียบเทียบกับทำเลในเขตกรุงเทพฯ ชั้นใน ที่มีอัตราผลตอบแทนเฉลี่ยอยู่ที่ 3% ต่อปี ทำให้คอนโดมิเนียมในทำเลนี้ เป็นที่น่าสนใจในด้านการลงทุนปล่อยเช่า
“วาลเด้น สุขุมวิท 39” นอกจากโดดเด่นด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกส่วนกลางที่ครบทุกความต้องการ ไม่ว่าจะเป็นล็อบบี้ ห้องออกกำลังกาย พร้อมด้วย Rooftop Facilities ขนาดใหญ่ที่รายล้อมด้วยต้นไม้และพื้นที่สระว่ายน้ำมอบความผ่อนคลายและเพลิดเพลินไปกับบรรยากาศสบายๆ ใจกลางเมือง อาทิ สระว่ายน้ำสำหรับผู้ใหญ่และเด็ก จากุซซี่ ออนเซน พร้อมสเปซสำหรับกิจกรรมของทุกคนในครอบครัว ไม่ว่าจะเป็นมุมบาร์บีคิว สวนหย่อม และสนามเด็กเล่น
อีกทั้งโครงการ “วาลเด้น สุขุมวิท 39” ยังโดดเด่นด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีเพื่อที่อยู่อาศัยอย่าง ที่จอดรถอัตโนมัติ ซึ่งช่วยประหยัดเวลาในการหาที่จอดรถ และบริการ “Walden Privilege” แท็บเล็ตอัจฉริยะ ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่จะช่วยอำนวยความสะดวกในการจับจ่ายของใช้ในซุปเปอร์มาร์เก็ตให้ส่งตรงถึงหน้าประตูบ้าน รวมไปถึงบริการแม่บ้านทำความสะอาด สั่งอาหาร และบริการชำระบิลต่างๆ ได้ง่ายเพียงปลายนิ้วสัมผัส โดย บริษัทเตรียมจัด Exclusive Booking Day ระหว่างวันที่ 22 – 23 กันยายน 2561 นี้ ตั้งเป้ายอดขาย 80 % ในสิ้นปีนี้
นอกจากนี้ในช่วงไตรมาส 4 จะเปิดโครงการ วาลเด้น สุขุมวิท 31 เป็นคอนโดมิเนียมสูง 8 ชั้น ราคายูนิตละ 6-10 ล้านบาท ตั้งเป้ารายได้อยู่ที่ 400-500 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาทำได้ 200 ล้านบาท ส่วนยอดขายปีที่ผ่านมาทำได้ 1,500 ล้านบาท ปีนี้ตั้งไว้ที่ 3,000 ล้านบาท
ส่วนแนวโน้มตลาดคอนโดมิเนียมระดับบนยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังเป็นสินค้าได้รับความสนใจอย่างมากทั้งจากผู้ซื้อเพื่ออยู่อาศัยเองและกลุ่มนักลงทุนคนไทยและต่างชาติ ซึ่งทำเลที่มีศักยภาพในการพัฒนามีค่อนข้างจำกัด โดยเฉพาะที่ดินในย่านสุขุมวิทและที่ดินติดรถไฟฟ้าซึ่งมีความต้องการสูง และราคาที่ดินยังปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลต่อราคาคอนโดมิเนียมย่านสุขมวิท 39 ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา (2557-2561) ปรับตัวสูงขึ้นมาก จากราคาขายเฉลี่ย 160,000 บาทต่อตารางเมตร เป็น 275,000 บาทต่อตารางเมตรในปัจจุบัน
ทั้งนี้ คาดว่าแนวโน้มการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมลักชัวรี่โลว์ไรส์ บนทำเลดังกล่าวน่าจะมีการเปิดตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากเป็นทำเลที่ทำกำไรได้ดีจากการปล่อยเช่า และยังเป็นทำเลที่มีอัตราการเข้าพักอาศัยสูง อีกทั้งยังมีอัตราค่าเช่าอยู่ในระดับสูงที่สุดของกรุงเทพฯ โดยอยู่ที่ 1,000 บาทต่อตารางเมตรต่อเดือน นอกจากนี้ พบว่าในย่านสุขุมวิท 39 มีชาวต่างชาติอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะชาวญี่ปุ่นมีทั้งหมดประมาณ 100,000 ครอบครัว หรือประมาณ 250,000 คน